อุตฯอิเล็กทรอนิกส์จีนพร้อมรับผลกระทบ ‘ไวรัสโคโรนา’

การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” (Covid-19) ที่มีศูนย์กลางจากประเทศจีนและแผ่ขยายออกไปในกว่า 20 ประเทศทั่วโลกในขณะนี้ กำลังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งหวั่นวิตกกันว่า มาตรการควบคุมพื้นที่การแพร่ระบาด และการปิดกั้นการเดินทาง ตลอดจนการขนส่งในประเทศจีน จะทำให้กระบวนการผลิตและส่งมอบสินค้าต้องชะลอและล่าช้าไปจากกำหนดเดิมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง

ทั้งนี้ เนื่องจากจีนเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง โดยจีนเป็นตั้งแต่แหล่งผลิตชิปในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จอภาพ แผงวงจร ไปจนถึงการเป็นแหล่งประกอบสินค้าสำเร็จรูปออกมา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เครื่องรับโทรทัศน์ หรือโทรศัพท์มือถือของแบรนด์ต่างๆ (ดังภาพกราฟิกประกอบ) ดังนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตในประเทศจีน จึงอาจมีผลทำให้เกิดความชะงักงัน หรือความล่าช้า ในการส่งมอบสินค้าในประเทศต่างๆทั่วโลก

อุปสงค์ลด-การผลิตชะลอตัว

และนั่นก็เป็นสิ่งที่วงการอุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกกำลังเป็นกังวลเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในจีนยังไม่มีทีท่าจะบรรเทาเบาบางลง แต่ในทางตรงข้าม จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตยังคงพุ่งสูงขึ้นรายวัน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้หลากหลายสถาบันวิจัย รวมทั้ง สถาบันเคาน์เตอร์พอยต์ รีเสิร์ช (Counterpoint Research)ฟันธงว่า ยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟนในจีนน่าจะปรับลดลง อย่างน้อยก็ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ คาดว่าจะลดลง 20% ส่วนผลกระทบ ลูกโซ่ต่อไปยังตลาดสมาร์ทโฟนโลก น่าจะเป็นยอดขายที่ปรับลดลง 5-6% สำหรับปีนี้ (2563) ซึ่งเท่ากับว่ายอดขายอาจไม่มีการเติบโตเลยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ด้านผู้ผลิตชิปส่วนใหญ่ในจีน ยอมรับว่าสถานการณ์โรคระบาดจะมีผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจ เพียงแต่ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่ายอดสั่งซื้อจะลดลงมากหรือน้อยเพียงใด เพราะคงต้องใช้เวลาประเมินอีกเป็นเดือนนับจากนี้ ขณะนี้โรงงานส่วนใหญ่ยังคงดำเนินการผลิตในระดับปกติ และช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา ผู้ผลิตชิปส่วนใหญ่ของจีนก็ไม่ได้ยุติการผลิตแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นบริษัท เอสเอ็มไอซีฯ (Semiconductor Manufacturing International Co. หรือ SMIC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ป้อนให้กับบริษัทต่างๆ ทั่วโลก) บริษัท ทีเอสเอ็มซีฯ และบริษัท เอเอสอี เทคโนโลยี โฮลดิ้งฯ แต่ปัญหาก็คือ ลูกค้าของผู้ผลิตชิปเหล่านี้เป็นผู้ประกอบสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องใช้แรงงานเป็นจำนวนมาก เช่น โรงงานประกอบสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ของบริษัท ฟ็อกซ์คอนน์ฯ บริษัท เพกาตรอนฯ และบริษัท ควอนตา คอมพิวเตอร์ฯ (ซึ่งเหล่านี้เป็นผู้ประกอบสินค้าป้อนให้กับบริษัท แอปเปิล อิงค์ฯ) ต่างก็ยังไม่สามารถผลิตได้เต็มกำลัง เนื่องจากยังขาดแคลนแรงงานและชิ้นส่วนบางอย่าง ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการคุมเข้มการเดินทางและการขนส่งสาธารณะของรัฐบาลจีน กว่าที่จะฟื้นกำลังการผลิตสู่ระดับปกติคาดว่าจะต้องใช้เวลานานนับเดือน ดังนั้น ผลกระทบสุดท้ายที่จะมีมาถึงบริษัทผู้ผลิตชิป จึงยังเป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดเดา

รอดูผลกระทบที่แท้จริงไตรมาส2

นายไคล์ เฉิน ประธานบริษัท วิน เซมิคอนดัคเตอร์ฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ป้อนให้กับโรงงานผลิตสมาร์ทโฟนของบริษัท หัวเว่ยฯ รวมทั้งโรงงานประกอบสินค้าของบริษัท แอปเปิลฯ ให้ความเห็นว่า ผลกระทบจากโรคระบาดจะปรากฏให้เห็นชัดมากขึ้นในไตรมาสที่ 2 โดยเขาเชื่อว่าขนาดของผลกระทบ (ที่มีต่ออุตสาหกรรมผลิตชิป) น่าจะใหญ่กว่าผลกระทบในช่วงไตรมาสแรก

ด้านบริษัท โนวาเทคฯ (Novatek) ผู้ผลิตชิปสำหรับจอภาพรายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งผลิตป้อนให้กับบรรดาผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแทบทุกรายในจีน ไม่ว่าจะเป็นหัวเว่ย ออปโป้ หรือวีโว่ เปิดเผยว่า ตลาดจีนคือแหล่งที่มาของรายได้ 50% ของบริษัท ทั้งนี้ เชื่อว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้า อย่างน้อยก็ในระยะสั้น เพราะจนถึงขณะนี้ก็ยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จากเดิมที่คาดว่ากิจกรรมการผลิตจะพุ่งขึ้นหลังเทศกาลวันหยุด ก็ปรากฏว่าเอาเข้าจริงๆ โรงงานต่างๆ ส่วนใหญ่ก็ยังเดินเครื่องการผลิตล่าช้าไปกว่ากำหนด “เรายังไม่รู้ชัดว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่เชื่อว่าความต้องการซื้อสมาร์ทโฟนในจีนจะได้รับผลกระทบในเชิงลบอย่างแน่นอน”

สอดคล้องกับความเห็นของผู้บริหารบริษัท ชุงฮวา พรีซิชั่น เทสต์ เทคฯ (Chunghwa Precision Test Tech) ผู้ให้บริการทดสอบชิปให้กับลูกค้าที่เป็นบริษัทสินค้าไฮเทคหลายราย อาทิ แอปเปิล หัวเว่ย และควอลคอมม์ ซึ่งออกมาเปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์เกี่ยวกับยอดขายสมาร์ทโฟนในระบบ5G ของปีนี้ลงมา จากเดิมที่เคยคาดไว้ว่ายอดขายสมาร์ทโฟน 5G น่าจะอยู่ระดับ 260 ล้านเครื่อง ก็ปรับลงมาเป็น 200-220 ล้านเครื่อง แต่ก็ยังมีความหวังว่า เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง อุปสงค์ก็จะกลับคืนมา

บริษัท เอเอสอี เทคโนโลยี โฮลดิ้งฯ ซึ่งเป็นโรงงานซัพพลายเออร์สินค้าให้กับหัวเว่ยและแอปเปิล เป็นผู้ผลิตอีกรายหนึ่งที่ยอมรับว่า การแพร่ระบาดของไวรัสกำลังส่งผลกระทบต่อการผลิตของบริษัท โดยในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีนนั้น แม้ว่าบริษัทไม่ได้ปิดดำเนินการและยังเดินเครื่องผลิตอยู่ แต่ก็มีคนงานเพียง 50-70% ของระดับปกติ คาดว่ากว่าคนงานจะกลับเข้าทำงานได้ครบก็น่าจะเป็นช่วงสิ้นเดือนนี้ “ทั้งอุตสาหกรรมกำลังเผชิญความเสี่ยงมากกว่าระดับปกติ ถ้าการแพร่กระจายของโรคระบาดยังคงมีอยู่ต่อไป บริษัทก็คงจะต้องประเมินและปรับตัวเลขคาดการณ์ทั้งด้านกำลังการผลิตและด้านผลประกอบการสะท้อนผลกระทบเชิงลบทั้งหมดที่มีอยู่” โจเซฟ ถัง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของเอเอสอี เทคโนโลยี โฮลดิ้ง กล่าวในการประชุมผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้นเมื่อเร็วๆ นี้

ส่วนผลกระทบที่แท้จริงและผลกระทบระยะยาวนั้นจะต้องใช้เวลาติดตามเหตุการณ์ไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งผู้ประกอบการบางรายรวมทั้ง เอสเอ็มไอซี ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของจีนกล่าวว่า อนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต แต่ในเวลานี้ บริษัทเลือกที่จะเดินหน้าการผลิตในระดับปกติและจะเพิ่มการลงทุนเพื่อให้สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 10% ในปีนี้ “เรากำลังติดตามสถานการณ์ของโรคระบาดอย่างใกล้ชิด และเชื่อว่าผลกระทบที่แท้จริงยังไม่เผยตัวออกมา คงจะเห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในไตรมาส 2 แต่ระหว่างนี้โรงงานของเราทั้งในเมืองเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และเทียนจิน ยังคงเดินเครื่องผลิตเต็มกำลัง”

หน้า 23 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40  ฉบับที่ 3,550 วันที่ 20 - 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563