ชี้เศรษฐกิจจีนไตรมาส 3 โตต่ำสุดในรอบ 27 ปี

นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า เศรษฐกิจจีนไตรมาส3 ของปีนี้ (2562) จะชะลอการเติบโตลงอีก หลังจากไตรมาส2 ก็มีอัตราเติบโตเกือบแตะระดับต่ำที่สุดในรอบ30 ปีอยู่แล้วที่ 6.2% เสี่ยงทำให้เศรษฐกิจทั้งปีเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ที่อัตราระหว่าง 6.0-6.5%

ผลสำรวจของสำนักข่าวเอเอฟพี ที่สอบถามความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 13 คน ชี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนในไตรมาสที่ 3 ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2562 จะมีการเติบโตเพียง 6.0% ซึ่งถือเป็นไตรมาสที่มีการเติบโตในอัตราต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2535 หรือเกือบๆ 3 ทศวรรษ และเป็นการเติบโตในอัตราที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีนี้ซึ่งมีการเติบโตที่ 6.2%

การเติบโตที่ลดลงของจีดีพีจีนเป็นผลมาจากอุปสงค์ในประเทศที่ลดลง โดยแม้จีนจะออกมาตรการหลายอย่าง เช่น ลดภาษี ลดดอกเบี้ย และลดข้อบังคับนักลงทุนต่างชาติในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถกระตุ้นการลงทุนเพื่อชดเชยอุปสงค์ในประเทศที่ลดลงได้
 

นอกจากนี้ อุปสรรคทางการค้าซึ่งเป็นผลพวงจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจจีน โดยตัวเลขการนำเข้าและส่งออกในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังสหรัฐฯใช้มาตรการภาษีใหม่ในเดือนดังกล่าว และแม้สหรัฐฯกับจีนจะเพิ่งบรรลุข้อตกลงการค้าบางส่วน หรือที่เรียกว่า ‘ข้อตกลงเฟส1’ กันไป แต่กว่าจะมีผลบังคับใช้ก็อีกหลายสัปดาห์

สถิติในเดือนกันยายน 2562 ชี้ว่า ยอดการส่งออกของจีนลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ยอดนำเข้าลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ซึ่งตอกย้ำว่า เศรษฐกิจจีนยังคงอ่อนแอต่อเนื่องและต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมขณะที่สงครามการค้ากับสหรัฐฯก็ยังคงยืดเยื้อ

ทั้งนี้ เดือนกันยายนที่ผ่านมาเป็นเดือนที่สหรัฐอเมริกาเริ่มเก็บภาษีเพิ่ม15% จากสินค้าที่นำเข้าจากจีนมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.8 ล้านล้านบาท) มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน และจีนตอบโต้แบบเดียวกัน

สำนักงานศุลกากรจีนเผยข้อมูลเมื่อเร็วๆนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนกันยายนลดลง3.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นอัตราลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 8.5% จากปีก่อน นับว่าลดลงมากที่สุดและเป็นการลดติดต่อกันมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม

อย่างไรก็ตาม จีนยังคงมียอดเกินดุลการค้าโดยรวม39,650 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.2 ล้านล้านบาท) เป็นการได้ดุลการค้าสหรัฐฯ 25,880 ล้านดอลลาร์ (ราว 788,060 ล้านบาท) ส่วนช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ยอดส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯลดลง10.7% จากปี 2561(ในแง่มูลค่าและหน่วยเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ) ส่วนการนำเข้าลดลง26.4%