ศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง ทายาทการเมือง โชว์วิชั่น สงขลาเที่ยวทั้งปี ไม่มีวันหยุด

“ศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง” หรือ “สิงโต”ทายาททางการเมือง คนรุ่นใหม่วัย 28 ปี ดีกรีนักเรียนนอกจากอังกฤษ  ทั้งเป็นลูกชาย “เดชอิศม์ ขาวทอง” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  เขาอาสาลงเลือกตั้งส.ส.พื้นที่ เขต 9 จังหวัดสงขลา 

“สิงโต”เป็นคนหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จบชั้น ม.6 ที่โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย บินลัดฟ้าเรียนต่อปริญญาตรี ที่ประเทศอังกฤษ จบด้านการท่องเที่ยว หลังสำเร็จการศึกษา “สิงโต”ตั้งใจที่นำความรู้และประสบการณ์มาประยุกต์ใช้กับบ้านเกิด

ลองดูวิสัยทัศน์ คนรุ่นใหม่ ในวัย 28 ปี เขาตั้งใจอยากพัฒนาปักษ์ใต้บ้านเราอย่างไร

• สงขลาเที่ยวได้ทั้งปี ไม่มีวันหยุด

“สิงโต”เริ่มบทสนาผ่านการสัมภาษณ์ทางมือถือ ในระหว่างเดินทางลงพื้นที่ ฟังจากน้ำเสียงบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นเกินร้อย เพราะพื้นที่เขต 9 สงขลา ประกอบด้วย อำเภอบางกล่ำ, อำเภอหาดใหญ่ (เฉพาะตำบล : ควนลัง, ต.คลองแห, ต.ฉลุง, ต.ทุ่งตำเสา, ต.คูเต่า) 

พื้นที่เลือกตั้ง เขต 9 จังหวัดสงขลา สิงโตรับผิดชอบหลายอำเภอ หลายตำบล ล้วนแล้วเป็นเมืองผ่าน จึงมีความตั้งใจว่าจะทำให้เมืองผ่านเหล่านี้ กลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญ เปลี่ยนจาก “เมืองผ่าน” เป็น “เมืองพัก” 

“ผมมีความตั้งใจจริงที่จะเอาความรู้และประสบการณ์มาช่วยบ้านเกิด เติมเต็มประชาชนในพื้นที่ให้ได้มีความเป็นอยู่ที่ดี สร้างเศรษฐกิจปากท้องขอคนในพื้นที่ให้ดีขึ้น”

สิงโต บอกว่าการท่องเที่ยวคือปัจจัยหลักที่จะสร้างเม็ดเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจได้ หลักของสงขลาและภาคใต้ เพราะคนจะมาเที่ยวธรรมชาติของภาคใต้เยอะ และสามารถสร้างเศรษฐกิจให้ประเทศชาติได้มาก เพราะฉะนั้นจะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวมาแล้วมีความสุขและปลอดภัย มาแล้วสามารถพักหลายๆคืนได้

“ผมอยากให้ประชาชนมาแบบไม่มีหน้าไฮหรือหน้าโลว์ซีซั่น เที่ยวได้ทันทีตลอดปี ไม่มีวันหยุด ผมอยากเสนอกับพรรคและได้คุยไปบ้างแล้ว ว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง เมื่อนักท่องเที่ยวมา เมืองปลอดภัยไหม ที่พักโอเคไหม ถ้าไม่มีหน้าไฮหรือหน้าโลว์ซีซั่น มันจะลดค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวได้ พอเขามาแล้วแฮปปี้อยากอยู่ต่อ”

นอกจากเรื่องท่องเที่ยว ที่สิงโต อยากทำอีกคือเรื่องการศึกษา อยากให้เด็กทุกคนได้เรียนฟรี เชื่อว่าการศึกษาไม่ควรเป็นต้นทุน แต่การศึกษาควรเป็นกำไร เด็กทุกคนควรได้เรียน เมื่อได้เรียนเด็กจะมีความคิด เด็กหลายคนขาดโอกาสไม่ได้เรียน 

• ลุยพื้นที่”นั่งในใจประชาชน”

หลักคิดในการทำงานของ สิงโต ที่ยึดมาตลอดคือ "เราไม่ได้คบกันวันสองวัน เราคบกันตลอดชีวิต"เมื่อมีโอกาสที่จะพิสูจน์ความตั้งใจ เขาจึงลุยพื้นที่อย่างต่อเนื่องกว่า 2 ปีกว่าแล้ว

เริ่มตั้งแต่ช่วงโควิดระบาดครั้งแรก เมื่อ 2  ปีที่ผ่านมา เขาทำหน้าที่ประสานกับหน่วยงาน ขอยา จากเอกชนหรือหน่วยงานต่างๆ ช่วยคนติดเชื้อ  คนไข้ติดเตียง หรือคนไม่มีงานทำ ทำข้าวกล่องแจก เจ้าตัวบอก นอกจากได้ช่วยคน แล้วยังได้บุญอีกต่างหาก

“กว่า 2 ปี ที่ผมลงพื้นที่ ทำให้คนรู้สึกว่าเราไปนั่งในใจเขาแล้ว และได้รับการตอบรับที่อบอุ่นมาก ทุกคนยังคิดประชาธิปัตย์ ยังคิดถึงการดูแลจากพรรคของคนใต้ตลอด ยิ่งได้มาผูกพันและเจอกับประชาชน” 

ที่บอกว่านั่งในใจประชาชนได้  สิงโต ยกตัวอย่างให้ฟังว่า เวลาพี่น้องประชาชนมีเดือดร้อน บางครั้งเขาจะโทรหา แทนทีจะโทรหาสมาชิกสภาเทศบาล หรือ อบจ. ในพื้นที่ ชาวบ้านมักจะโทรหาสิงโตก่อน  เพราะเห็นว่าสามารถช่วยเขาได้ 

“อย่างน้อยที่สุด เมื่อได้นั่งคุยนั่งรับฟังปัญหาเขาก็มีความสุขแล้ว  ชาวบ้านบางคนเดือดร้อน เขาไม่ต้องการเงินทอง ต้องการแค่ใครสักคนที่รับฟังเขาได้จริงๆ แล้วเอาปัญหานี้ไปบอกต่อคนอื่นได้  บางครั้งเขาโทรหาผมก็จะไปหานั่งฟังจับเข่าคุยปัญหา เราช่วยนัด อบต.มาคุยช่วยคลี่คลายปัญหา  ปัญหามันเป็นของท้องถิ่นก็ต้องแก้ไขตรงนี้ก่อน ติดขัดตรงไหนก็ช่วยประสานและแก้ไขกันไป

ผมเลยเชื่อว่า ทุกครั้งที่ชาวบ้านเดือดร้อนจะโทรหาผมมากกว่าคนอื่น นี่แหละคือการนั่งในใจเขาแล้ว และเขาจะรู้สึกเหมือนลูกหลาน มีอะไรสามารถโทรหาเราได้ เราเป็นคนแรกที่เขาคิดถึง  ให้ผมได้เป็นส่วนหนึ่งในการรับฟังการสะท้อนปัญหาในพื้นที่”

รวมทั้งช่วงเกษตรกรชาวระโนด ได้รับผลกระทบจากปัญหาฟักทองราคาตกต่ำ  สิงโต เข้าไปช่วยเบื้องต้นก่อน ด้วยการคุยกับพรรคพวกทำบุญคนละร้อยสองร้อยไปซื้อฟักทองอุดหนุนชาวระโนด
 
“ ผมเอาฟักทองไปแจกพี่น้องที่เขาบริโภคได้ เป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องอีกรูปแบบหนึ่ง ก็วินวินทั้งสองฝ่าย เหมือนเราลงขันกันทำบุญ ไม่ต้องเป็นหลักหมื่นหลักพัน ช่วยเท่าที่ช่วยได้ ผมมองว่า หนึ่ง ได้ช่วยเกษตรกร สองได้ช่วยคนลำกบากจริงๆ สามเราได้บุญไปด้วย การช่วยเหลือเกษตรกรเล็กๆน้อยๆก็จะช่วยต่อยอดได้เยอะ

ที่ผ่านมา ตัวบุคคลในพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เข้าถึงประชาชนมากขนาดนี้ แต่มาวันนี้ได้ไปนั่งในใจประชาชน ทำให้รู้ว่าประชาชนต้องการอะไร  

เมื่อเข้าใจปัญหาแล้วเอาปัญหามาสะท้อน บางอย่างไม่สามารถแก้ไขได้หมด 100 %  แต่ทำอย่างไรจะทำให้รู้สึกว่า ได้แบ่งเบาปัญหาประชาชนได้บ้าง ทุกเรื่องในพื้นที่ถ้าพอประสาน กับท้องถิ่นได้จะเป็นตัวกลางในการประสานกับนายกฯท้องถ่อนบ้าง ส.จ.บ้าง หรือที่เราสามารถคุยผ่านไปยัง อบจ.ให้ช่วยคุยให้ หรือพา สจ.มาคุยกับชาวบ้านคุยปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกัน

ผมคิดว่า ตรงนี้คือการช่วยเหลือ และมันคือคอนเน็คชั่น เรามีพรรคพวกเยอะ เวลาจะคุยกับใครก็สะดวก เราไม่ได้ใช้อำนาจในการข่มขู่ จึงรู้สึกได้รับการต้อนรับดีมาก 

เวลาลงพื้นที่จะบอกกับประชาชนเสมอว่า การเมืองเรื่องโจมตีมีอยู่แล้ว สมมุติคนมีพ่อเป็นตำรวจ เป็นข้าราชการ ทุกคนก็อยากให้ลูกเป็นของตนเองหมด 

แต่วันนี้ผมอาสามาเดินเอง ผมถามว่า “ผมผิดแค่เป็นลูกนักการเมืองหรือครับ”

 ถ้าวันนี้ผมเป็นหมอ เป็นตำรวจ และเป็นนักกีฬาทุกคนก็คงจะเฮกับผม  แต่พอเป็นนักการเมืองเหมือนเป็นเวรกรรม คนอคติ เราไม่ได้ทำอะไร ต่อพอลงในพรรคที่เขาไม่ชอบเขาก็ด่า แต่วันนี้ไม่เป็นไรครับ ผมเชื่อว่า การเริ่มทำอะไรมันอยากเสมอ แต่ถ้าวันหนึ่งเราพิสูจน์ให้เขาเห็นได้ นั่งในใจเขาได้ ผมเชื่อว่าเขาจะเข้าใจเราเอง”

เป็นบทสรุปจากใจ ทายาทนักการเมืองแห่งเมืองหาดใหญ่