"จาตุรนต์" วอนนักการเมือง โหวตตั้งรัฐบาล หาทางออกให้ประเทศ

16 พ.ค. 2566 | 13:54 น.

"จาตุรนต์" วอนนักการเมือง โหวตตั้งรัฐบาล หาทางออกให้ประเทศ โพสต์ผ่านเฟสบุ๊ค ย้อนอดีต ส.ว. 250 โหวตพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ ถึงเวลานักการเมืองหาทางออกประเทศ โหวตพิธาตั้งรัฐบาล

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กChaturon Chaisang เรียกร้องให้นักการเมืองร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศ โดยระบุว่า ถึงเวลาพรรคการเมืองนักการเมืองจะช่วยกันหาทางออกให้ประเทศแล้ว

พร้อมระบุว่า ประเทศไทยมีความไม่ปกติที่ให้ส.ว.ร่วมโหวตเลือกนายกด้วย จึงมีความจำเป็นต้องเรียกร้องให้พรรคการเมืองที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาลลงมติสนับสนุนการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ตามปกติ เมื่อพรรคการเมืองรวมเสียงได้เกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกร้องให้พรรคการเมืองอื่นๆลงมติสนับสนุนพรรคที่้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

จาตุรนต์ ฉายแสง วอนนักการเมือง โหวตตั้งรัฐบาล หาทางออกให้ประเทศ

พร้อมระบุว่า สว. 250 พร้อมใจกันเลือกพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ ในการเลือกตั้ง 2562 เนื่องจากรัฐธรรมนูญถูกออกแบบมาให้มีสว.ไว้ช่วยในการสืบทอดอำนาจของพลเอกประยุทธ์ แต่ผลการเลือกตั้ง 2566 เปลี่ยนไปมาก พลเอกประยุทธ์เดินหาเสียงเหมือนนักการเมืองคนอื่นอย่างเต็มตัว และผลการเลือกตั้งชัดเจนว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯอีกแล้ว คะแนนของพรรคร่วมรัฐบาลก็น้อยกว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างมาก

แต่ดูเหมือน ส.ว.ส่วนใหญ่จะเลือกใช้วิธีการงดออกเสียงในการเลือกนายกฯซึ่งจะทำให้การเลือกนายกฯเกิดผลสำเร็จได้ยาก ดังนั้น จึงต้องอาศัยเสียงส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลเดิมด้วย 

นายจาตุรนต์ฉาย 2 ฉากทัศน์หาก ส.ว. และ ส.ส.จากรัฐบาลเดิมไม่หนุนพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล คือ

1. พรรคร่วมรัฐบาลเดิมย้อนกลับไปตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่อาศัยเสียงส.ว. 250 คนให้การสนับสนุน ซึ่งจะเป็นรัฐบาลที่ขาดความชอบธรรม ขัดต่อเจตจำนงของประชาชนและไม่มีเสถียรภาพอย่างยิ่ง บริหารประเทศไม่ได้และจะมีอายุสั้นมาก

2.ไม่มีใครจัดตั้งรัฐบาลได้ และรัฐบาลรักษาการก็ทำหน้าที่ต่อไปเรื่อยๆจนกว่าส.ว.จะหมดอำนาจในการเลือกนายกฯ รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ และทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเลวร้ายลงไปอีก เนื่องจากไม่ได้รับความเชื่อถือ

ซึ่งสถานการณ์ทั้ง 2 แบบนี้จะทำให้ประเทศไทยพบวิกฤตที่ร้ายแรงมากยิ่งขึ้น เกิดความเสียหายต่อทุกฝ่ายทุกคนในประเทศนี้ มาคราวนี้ผู้ที่ทำรัฐประหารมาก็เสื่อมถอยลงไปมาก ถูกประชาชนตัดสินแล้วว่าไม่ต้องการให้อยู่ในอำนาจต่อไป แต่กฎกติกาที่ถูกสร้างไว้ยังเป็นอุปสรรคในการตั้งรัฐบาลให้เป็นไปตามฉันทามติของประชาชน

พร้อมทิ้งท้ายว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ เพื่อจะหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการตั้งรัฐบาลไม่ได้ จึงมีความจำเป็นที่นักการเมืองทั้งหลายจะช่วยกันหาทางออกให้แก่บ้านเมืองด้วยการสนับสนุนพรรคการเมืองที่รวบรวมเสียงได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ต่อไป 

นายจาตุรนต์ได้เรียกร้อง ให้นักการเมืองเห็นแก่บ้านเมือง เห็นแก่ประชาชน โหวตตั้งรัฐบาลแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็ทำหน้าที่กันต่อไป ถึงเวลาต้องแข่งขันกันอีก ก็ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่ให้ระบบที่เผด็จการวางไว้มาตัดสินและทำให้บ้านเมืองเสียหายย่อยยับอย่างที่ผ่านมา