"พรรคไทยศรีวิไลย์" ชู 41 นโยบายมุ่งลดเหลื่อมล้ำ ไม่แตะม. 112

11 พ.ค. 2566 | 16:42 น.

"พรรคไทยศรีวิไลย์" ชู 41 นโยบายมุ่งลดเหลื่อมล้ำ ไม่แตะม. 112 มุ่งเสนอนโยบายให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด ยืนยันไม่มีการขึ้นภาษีจากที่เก็บปกติ เพื่อมาสนองนโยบายที่พรรคหาเสียงไว้

นายมงคลกิตติ์  สุขสินธารานนท์  ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เปิดเผยว่า พรรคมุ่งที่จะเสนอนโยบายให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด เพราะที่ผ่านมา หลายนโยบายที่หลายพรรคหาเสียง มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณและวินัยทางการเงินการคลัง ทั้งที่เชื่อว่าพรรคนั้นต้องการจะเสนอนโยบายตามความคิดความเชื่อว่าจะต้องใช้เงินจำนวนมากกว่างบประมาณของประเทศเข้ามาแก้ไขปากท้องของประชาชน 

ส่วนบางพรรคก็ถูกต้องข้อสงสัยว่า จะหาเงินเพื่อมาทำตามนโยบายจากไหน แต่พรรคไทยศรีวิไลย์ ยืนยันว่า 41 นโยบายที่แถลงไปจะสามารถหาแหล่งที่มาของเงินในการทำนโยบายได้ทั้งหมด โดยเฉพาะการนำเงินที่สกปรกและรั่วไหลจากระบบ มาทำให้เป็นเงินสะอาดที่นำมาพัฒนาประเทศ ซึ่งต้องการให้มีการนำผลประโยชน์มหาศาลที่เคลื่อนไหวในการพนันมาแปรผันเป็นเงินที่ดูแลประชาชนตามหลักของรัฐสวัสดิการ เช่น  

การเปิดบ่อนกาสิโนหรือเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ ในพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจดี โดยจะเน้นให้นักท่องเที่ยวมาเล่น ส่วนคนไทยจะมีการจำกัดรายได้และวงเงินในการเล่น ซึ่งจะได้รายรับภาษี 3-4 แสนล้านบาทต่อปี 

และเปิดบ่อน vvip สำหรับนักเล่นมีที่ศักยภาพทางการเงินระดับสูง รับปีละ 3-5 หมื่นราย โดยจะต้องมีวงเงินเล่นต่อครั้งไม่น้อยกว่า 50-100 ล้านบาท จะมีรายรับภาษีไม่น้อยกว่า 1.5-2 ล้านล้านบาทต่อปี 

การขุดคลองไทย เพื่อนำเงินและผลประโยชน์ที่มีมหาศาลเฉพาะค่าธรรมเนียมการผ่านคลองไทย จะได้ภาษีค่าผ่านคลองปีละ 1.5-2 แสนล้านบาท และจะสร้างเงินให้ประเทศสูงมากกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี เป็นต้น 

"ยืนยันว่าจะไม่มีการขึ้นอัตราภาษีจากที่เก็บกันปกติ เพื่อมาสนองนโยบายที่พรรคหาเสียงไว้โดยเด็ดขาด"

พรรคไทยศรีวิไลย์ ชู 41 นโยบายมุ่งลดเหลื่อมล้ำ ไม่แตะม. 112

ขณะที่นโยบายทางสังคมนั้น พรรคมีความตั้งใจที่จะสร้างสังคมไทยเป็นสังคมสงบสุข ปราศจากความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส เช่น การตั้งสำนักงานทนายแห่งรัฐขึ้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนทั่วไปที่มีความรู้ทางกฎหมายน้อย และไม่มีเงินจ้างทนายมาต่อสู้คดีได้ เพราะความยุติธรรมควรจะมาจากการตัดสินคดีความตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ไม่ใช่มาจากฝ่ายไหนมีเงินก็จะได้ความยุติธรรมไป ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สร้างความไม่เป็นธรรมมาอย่างยาวนาน 

การยกเลิกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ที่ยังคงบังคับใช้อยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยขอให้ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง อยู่ในระดับปกติ เพราะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนและการท่องเที่ยว 

รวมทั้งลดปัญหาความรู้สึกน่ากลัวของคนไทยโดยรวมที่มีต่อพื้นที่ดังกล่าว การสนับสนุนให้ชาวมุสลิม เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยจะมีการอุดหนุนรายละ 200,000 บาท โดยจะให้สิทธิ์แก่ผู้ที่ไม่เคยไปและไปได้เพียงครั้งเดียว เพื่อให้เกิดการกระจายโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน 

ด้านความกังวลของประชาชนเรื่องกัญชานั้น พรรคยังยืนยันว่า ต้องการให้กัญชาคงความเป็นยาเสพติดเท่านั้น และห้ามใช้กัญชาเชิงสันทนาการเด็ดขาด เนื่องจากกัญชามีคุณประโยชน์ทางการแพทย์ในโรคบางโรคเท่านั้น 
 

และที่สำคัญที่สุดที่ตนและพรรคได้ประกาศไปแล้วว่า พรรคจะไม่ร่วมกระบวนการแก้ไขมาตรา 112 อย่างเด็ดขาด เพราะเจตนาของคนที่ต้องการจะแก้ไข คือการใช้สภามาล้างผิดให้ตัวเองและพรรคพวก 

ซึ่งหากมีการแก้ไขให้เป็นไปตามฝ่ายที่ต้องการจะให้แก้แล้ว เชื่อว่าสังคมจะมีความวุ่นวายจนไม่อาจควบคุมได้ โดยการไม่แก้ไขพร้อมกับการให้ความเข้าใจประชาชนและเยาวชนเกี่ยวกับมาตราดังกล่าวนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังเช่นที่ผ่านมานั้น ถือเป็นเรื่องที่จะทำให้สังคมไทยปราศจากปัญหาความขุ่นข้องหมองใจ และคนทุกวัยก็พร้อมก้าวไปในสังคมที่ดีตามระบอบประชาธิปไตย 

"นโยบาย​ 41​ ด้านของพรรคจะเน้นเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ​ เพราะต้องถือว่าตอนนี้ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะค่อนข้างวิกฤติ​ มีรายรับไม่พอรายจ่าย​ ​ นโยบายพรรคฯจึงต้องเน้นดูแลประชาชนเป็นหลัก​ ซึ่งมองว่าวิธีหาเงินที่เร็วที่สุดคือการเอาเงินสีเทานอกระบบมาใช้​  ​เช่นการทำหวยใต้ดินให้ขึ้นมาอยู่บนดิน​ และเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ (คาสิโน​)​ ให้ชาวต่างชาตินำเงินมาเล่น​ ซึ่งรายได้ในส่วนนี้จะถูกนำมาทำบัตรสวัสดิการคนจน, เงินผดุงเกรียติทหารผ่านศึก, บัตรคนพิการ​และนำไปใช้หนี้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ กู้ยืมมา"

นายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่า พรรคยังมีอีกหลายนโยบายที่สำคัญ​ เช่น​การลดค่าไฟ​ ซึ่งมองว่าวิธีที่ง่ายที่สุดคือการออกพระราชกำหนดยกเลิกการซื้อไฟฟ้าส่วนเกิน​  และจะออกพระราชกำหนดตัดสินใจซื้อหุ้นปตท.​ เพราะหากปตท.เป็นของรัฐ​  สัมปานการขุดเจาะน้ำมัน​ก็จะเป็นของรัฐ​ ทำให้รัฐจำหน่ายน้ำมันในราคาที่ถูกลงได้​ 

ส่วนนโยบายที่สำคัญนอกจากเศรษฐกิจ​ จะให้ความสำคัญกับเกษตรกร​ จะจัดตั้งนิคมเกษตรกรรมเพื่อเกษตรกรทุกภูมิภาคของประเทศ​ เน้นแก้หนี้ฟื้นฟูเกษตรกร​และตั้งนิคมอุตสาหกรรมเพื่อทำปุ๋ย​ไว้ใช้เอง​