ปชป.เปิดนโยบายหนุน“สตาร์ทอัพ-เอสเอ็มอี”ให้มีโอกาสเติบโตมากขึ้น

01 พ.ค. 2566 | 05:24 น.

ปชป.เปิดนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ชู สตาร์ทอัพ-เอสเอ็มอี ต้องมีแต้มต่อ 3 แสนล้าน เหตุเป็นจักรกลสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม บริการ และการท่องเที่ยว

วันนี้ (1 พ.ค. 66 ) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก คือ นโยบายสตาร์ทอัพ - เอสเอ็มอี ต้องมีแต้มต่อ 3 แสนล้าน เพราะ  สตาร์ทอัพ - เอสเอ็มอี ถือเป็นจักรกลสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ครอบคลุมหลากหลายธุรกิจ เช่น ภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ ภาคการท่องเที่ยว เป็นต้น 

จากข้อมูลปี 2565 พบว่า มีผู้ประกอบการ สตาร์ทอัพ - เอสเอ็มอี  มากกว่า 3 ล้านราย ก่อให้เกิดการจ้างงานเกือบ 13 ล้านคน มีมูลค่าการส่งออกกว่า 1 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.6 ของยอดการส่งออกรวมตลอดปี

นโยบายนี้ ต้องการยกระดับขีดความสามารถของ สตาร์ทอัพ - เอสเอ็มอี ไทย ให้สามารถแข่งขันได้ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยพรรคประชาธิปัตย์ จะมีมาตรการเพื่อเป็นแต้มต่อให้ สตาร์ทอัพ - เอสเอ็มอี 3 ประการ คือ

แต้มต่อที่ 1 ด้านการผลิต สนับสนุนให้ สตาร์ทอัพ - เอสเอ็มอี  มีการบริหารธุรกิจที่ทันสมัย บนพื้นฐานของนวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของการดำเนินธุรกิจ สร้างการยอมรับของตลาด และมุ่งปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ยุคระบบเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Transformation)
แต้มต่อที่ 2 ด้านการตลาด ผลักดัน สตาร์ทอัพ - เอสเอ็มอี  ให้มีโอกาสเข้าสู่ตลาดทั้งภายในประเทศ และต่างประเทศ โดยให้สิทธิพิเศษด้

านการตลาด เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้า และบริการของตนต่อตลาดภายนอกได้ 
แต้มต่อที่ 3 จัดตั้งกองทุน 3 แสนล้านบาท เพื่อให้กลุ่มสตาร์ทอัพ - เอสเอ็มอี สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน สำหรับการพัฒนา ต่อเติม ขยายกิจการตลอดจนการเพิ่มทุนธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้กับประเทศต่อไปได้

พรรคประชาธิปัตย์ เชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจของประเทศที่เดินหน้ามาได้อย่างต่อเนื่องนั้น เกิดจากแรงขับเคลื่อนอย่างสำคัญของ สตาร์ทอัพ - เอสเอ็มอีไทย ที่เป็นฟันเฟืองตัวเล็กๆ ที่สอดประสานสร้างสรรค์เศรษฐกิจไทยให้รุดหน้าไปพร้อมๆ กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคส่วนอื่นๆ พรรคประชาธิปัตย์จึงได้นำเสนอนโยบายที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจฐานราก เพื่อให้ประเทศเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป