“มาดามเดียร์-ดร.เอ้" อ้อนชาวหลักสี่เลือก "ผู้การแต้ม" เป็นส.ส.

30 มี.ค. 2566 | 14:00 น.

"มาดามเดียร์-ดร.เอ้" เดินหน้า "รถโชว์ โพลิซี" ปชป. ขอชาวหลักสี่สนับสนุน "ผู้การแต้ม" ย้ำ คิดนโยบายคำนึงอยาคตลูกหลาน-ไม่ทิ้งภาระ

น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พรรคประชาธิปัตย์ (กทม) พร้อมด้วย ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตหลักสี่-จตุจักร นางณัฐิดา เตาเฟ็ส ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตหนองจอก-คลองสามวา นายธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตจตุจักร-บางเขน-หลักสี่ และ นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกิจกรรม "รถโชว์ โพลิซี"  (Roadshow Policy) เขตหลักสี่ ที่บริเวณเคหะชุมชนหลักสี่ ซอยแจ้งวัฒนะ 5 

เริ่มต้นจาก ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ดำรงอยู่มาถึง 77 ปี โดยไม่มีเจ้าของ เพราะเจ้าของที่แท้จริงคือประชาชน และเชื่อว่าในอีก 20-30 ปี ข้างหน้า พรรคการเมืองที่จะยังคงอยู่ก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ 

ทั้งนี้การเลือกตั้งที่เขาเรียกว่าผู้แทน ก็เพราะต้องเข้าไปเป็นผู้แทนให้กับประชาชน ซึ่งบทบาทแรกของผู้แทน คือเป็นคนมีความรู้ ความสามารถ มองอนาคตของลูกหลาน และต้องดูแลแก้ปัญหาในพื้นที่ 

วันนี้ในพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร ปัญหาที่น่ากลัวที่สุดวันนี้คือ ปัญหายาเสพติด ปัญหาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ดังนั้นวันนี้หากต้องเลือกผู้แทนที่จะเข้าไปแก้ปัญหาเหล่านี้ คนนั้นก็คือ ผู้การแต้ม ซึ่งเป็นคนที่มีอ่อนนอก แข็งใน อ่อนน้อมถ่อมตน แต่มีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับยาเสพติด

 

“มาดามเดียร์-ดร.เอ้" อ้อนชาวหลักสี่เลือก "ผู้การแต้ม" เป็นส.ส.

 

ดังนั้น วันนี้ตนจึงมาขอโอกาสจากทุกคนเพื่อให้ผู้การแต้มได้เข้าไปทำหน้าที่แทนทุกคน ซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา กทม. พรรคประชาธิปัตย์ไม่มี ส.ส.แม้แต่คนเดียว แต่ กทม.ก็ไม่ได้ดีขึ้น กลับกันปัญหายาเสพติดก็เพิ่มมากขึ้น ความปลอดภัยในชีวิตลดลง น้ำท่วมมากขึ้น และยังมีปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่รุนแรงจนแทบจะหายใจไม่ได้อีกแล้ว

ด้าน น.ส.วทันยา กล่าวว่า หากทุกคนได้ติดตามข่าวจะเห็นว่าที่ผ่านมาจะมีข่าวสภาล่มอยู่บ่อยครั้ง ทุกคนรู้สึกผิดหวังกับนักการเมืองเหล่านั้นหรือไม่ และในการเลือกตั้งแต่ละครั้งใช้งบประมาณกว่า 2 พันล้านบาท แต่ ส.ส.ที่เราเลือกเข้าไปกลับไม่ได้ทำหน้าที่ 

โดยเฉพาะหน้าที่ข้อแรก คือการเข้าประชุมสภา ดังนั้นการที่สภาล่มจึงถือว่าเป็นเรื่องที่น่าอาย นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ตนต้องลาออกจากการเป็น ส.ส. รวมถึงการที่เมื่อเข้าไปเป็น ส.ส.แล้ว หลายครั้งเราไม่สามารถโหวตได้ตามสิ่งที่มีความเห็น เพราะมีเรื่องของมติพรรคเข้ามาเกี่ยวข้อง 
และถือว่านี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นอุปสรรคของการเมืองไทย 

เช่นเดียวกับเรื่องกล้วยในสภา เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอย่างมาก เป็นเรื่องที่น่าอาย แต่วันนี้คำว่ากล้วยกลับถูกนำเสนอผ่านสื่อจนเป็นเรื่องปกติได้อย่างไร และเรื่องนี้ก็คล้ายกับพรรคการเมืองที่เป็นระบบบริษัท จึงถามว่า ส.ส. ที่เลือกเข้าไปจะเลือกตามเสียงของประชาชน หรือเลือกตามกล้วยของเขา

“ทุกครั้งที่เราต้องเลือกตั้ง เราหวังว่าชีวิตจะดีขึ้น แต่ทำไมเมื่อเลือกตั้งผ่านไปทุกครั้ง ชีวิตเรากลับยังอยู่เหมือนเดิม ยังคงต้องปากกัดตีนถีบเหมือนเดิม” น.ส.วทันยา กล่าว

 

“มาดามเดียร์-ดร.เอ้" อ้อนชาวหลักสี่เลือก "ผู้การแต้ม" เป็นส.ส.

 

น.ส.วทันยา กล่าวต่อว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์อาจจะไม่ได้หวือหวาเมื่อเทียบกับพรรคการเมืองอื่น เป็นเพราะทุกนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์คิดและนำเสนอออกมานั้น จะต้องสามารถทำได้จริง และต้องคำนึงถึงอนาคต 

เพราะพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคการเมืองที่จะอยู่คู่สังคมไทยไปอีกยาวนาน เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจที่คิดจะทำนโยบายอะไรก็ได้โดยไม่คำนึงถึงอนาคตและผลกระทบ โดยเฉพาะนโยบายกัญชาเสรี ที่พรรคประขาธิปัตย์มีจุดยืนไม่สนับสนุน เพราะเป็นนโยบายที่ไม่คำนึงถึงอนาคตของลูกหลาน แต่ถ้าเป็นกัญชาเพื่อการแพทย์ เราก็พร้อมจะสนับสนุนได้

นอกจากนี้ ยังได้กล่าวถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงแหล่งทุน โดย น.ส.วทันยา เชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพไม่ต่างกัน แต่จะแตกต่างกันที่การเข้าถึงแหล่งทุน ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์จึงจะทำโอกาสที่เท่าเทียมให้กับประชาชนทุกคน 

เริ่มตั้งแต่ ธนาคารชุมชน ชุมชนละ 2 ล้านบาท เพื่อเป็นแหล่งทุนที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายที่สุด อีก 1 ตัวจักรที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของประเทศ ก็คือ ธุรกิจ SME พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายกองทุน SME 3 แสนล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME นำไปพัฒนาธุรกิจ 

และอีก 1 นโยบายที่เราต้องปรับตัวให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป พรรคประชาธิปัตย์จึงมีนโยบาย “กองทุนไอเดียหนึ่งหมื่นล้านบาท” เพื่อให้คนที่มีความคิดสร้างสรรค์ใช้สิ่งนั้นมายื่นเสนอเพื่อรับเป็นเงินทุนสำหรับสร้างรายได้และพัฒนาธุรกิจต่อไป

 

“มาดามเดียร์-ดร.เอ้" อ้อนชาวหลักสี่เลือก "ผู้การแต้ม" เป็นส.ส.

 

ด้าน พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายดีๆ มากมาย ที่ดูแลประชาชนตั้งแต่แรกเกิดจนถึงผู้สูงอายุ โดยเฉพาะนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุนั้น พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนริเริ่ม แต่มีพรรคอื่นอาจจะมาบวกเพิ่ม แล้วใช้เป็นนโยบายเพื่อเกทับ 

นอกจากนี้นโยบายของพรรค โดยเฉพาะนโยบายสำหรับคนกรุงเทพฯ นั้น ได้มาจากโครงการ "ฟัง คิด ทำ" ซึ่งสิ่งที่ประชาชนต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์แก้ไขเป็นอันดับแรก คือ เรื่อง PM 2.5 ที่เป็นอันตรายยิ่งกว่า โควิด-19 

“หากเราได้เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์จะผลักดันกฎหมายอากาศสะอาดทันที”

ถัดมาเป็นเรื่องยาเสพติด ความปลอดภัยเมือง และปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น พรรคประชาธิปัตย์ จึงประกาศว่า " ไม่เอากัญชา ทำลายยาบ้า ยาเสพติด การทุจริตคือวิกฤติชาติ"  เพราะประชาชนมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ไว้ใจได้และจะเป็นแกนนำในการแก้ไขปัญหาให้กับคนกรุงเทพมหานคร  ไม่เหมือนพรรคการเมืองบางพรรค ที่ในอดีต ไม่เคยทำ ปัจจุบันก็ทำเละ ถามว่าในอนาคตจะไม่เจ๊งหรือ 

ดังนั้น ขอยืนยันว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ทำแล้วไม่ทิ้งภาระให้ลูกหลาน ต้องรับผิดชอบ เพราะเราเป็นพรรคที่ก่อตั้งมาได้ยืนยาวมากที่สุดถึง 77 ปี และมีอุดมการณ์ที่ทำให้กับประชาชนอย่างเดียว ไม่ได้ทำเพื่อครอบครัว ญาติพี่น้อง

และที่สำคัญ พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเดียวที่สะอาด ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น จึงขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นในพรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อมั่น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเป็นผู้นำพาประเทศให้พ้นวิกฤติได้ 

รวมทั้งขอให้เชื่อมั่นในตัวผู้สมัครของพรรค เพราะพรรคประชาธิปัตย์เปิดกว้างและคัดเลือกบุคคลที่มีคุณภาพยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก และตนขอยืนยันว่า "จะทำให้หลักสี่ดีกว่าเดิม" ขอให้พี่น้องประชาชนชาวหลักสี่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ทั้งคนทั้งพรรค

 

“มาดามเดียร์-ดร.เอ้" อ้อนชาวหลักสี่เลือก "ผู้การแต้ม" เป็นส.ส.