“SCB EIC” วิเคราะห์ตลาดโทรคมหลังควบรวมธุรกิจ การแข่งขันลด-ค่าบริการเพิ่ม

29 ม.ค. 2567 | 23:44 น.

“SCB EIC” วิเคราะห์ตลาดโทรคมนาคมในประเทศไทย หลังยักษ์ในวงการอย่าง “TRUE-DTAC” และ “AIS Fiber -3BB” ควบรวมธุรกิจสำเร็จ ส่งผลการแข่งขันลด-ค่าบริการเพิ่ม

จากกรณีที่ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม คือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC รวมธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ประสบความสำเร็จ ด้วยมูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท พร้อมกับตั้งบริษัทใหม่เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 คือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE

ถัดจากนั้น บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด ในเครือ AIS ได้รวมธุรกิจบอร์ดแบนด์ กับ  บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ 3BB มูลค่า 3.2 หมื่นล้านบาท

 

ล่าสุด ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC)  ได้ออกมาเผยแพร่บทบทความอุตสาหกรรมโทรคมนาคมหลังควบรวมธุรกิจสำเร็จ ภายใต้หัวข้อ  จับทิศทางตลาดโทรคมนาคมของไทย ว่า หลังการควบรวมกิจการ

การควบรวมธุรกิจโทรคมนาคมในไทยทั้ง 2 ดีล ส่งผลต่อระดับการแข่งขันในตลาดลดลง และมีแนวโน้มส่งผลให้อัตราค่าบริการเพิ่มขึ้นได้ในระยะข้างหน้า

ธุรกิจโทรคมนาคมทั่วโลกกำลังเผชิญแรงกดดันของการเติบโตด้านรายได้

แรงกดดันของการเติบโตด้านรายได้ที่ชะลอตัวในธุรกิจโทรคมนาคมทั่วโลก ทำให้ผู้ให้บริการต้องปรับกลยุทธ์ไม่ว่าจะเป็นการขยายขอบเขตธุรกิจ และการควบรวมกิจการ ธุรกิจโทรคมนาคมทั่วโลกกำลังเผชิญแรงกดดันของการเติบโตด้านรายได้ที่มีทิศทางชะลอตัวลง เนื่องจากจำนวนผู้ใช้บริการที่เข้าใกล้จุดอิ่มตัว และการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง ขณะที่ผู้ให้บริการยังต้องการเม็ดเงินลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ให้บริการมองหาโอกาสทางธุรกิจอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การขยายขอบเขตธุรกิจให้ครอบคลุมบริการด้านเทคโนโลยี ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มรายได้จากบริการใหม่แล้ว ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดการใช้งานบริการหลักอย่างอินเทอร์เน็ตให้เพิ่มขึ้นอีกด้วย รวมไปถึงการควบรวมกิจการในธุรกิจโทรคมนาคม (M&A) ซึ่งจะช่วยประหยัดเม็ดเงินลงทุนและเกิดการประหยัดเชิงขนาด (Economy of scale) อีกทั้ง ยังสามารถขยายตลาดการให้บริการได้กว้างขึ้น

“SCB EIC” วิเคราะห์ตลาดโทรคมหลังควบรวมธุรกิจ

 

การควบรวมธุรกิจโทรคมนาคมของโลก

 

แม้การควบรวมในธุรกิจโทรคมนาคมจะส่งผลต่อระดับการผูกขาดในตลาด แต่การกำหนดเงื่อนไขตามลักษณะตลาดแต่ละประเทศ จะช่วยบรรเทาผลกระทบต่อผู้บริโภคได้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2017-2022) การควบรวมในธุรกิจโทรคมนาคมทั่วโลกเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายองค์กรมีความกังวลต่อผลกระทบต่อผู้บริโภคหลังการควบรวม เนื่องจากจำนวนผู้ให้บริการที่ลดลง ส่งผลต่อระดับการผูกขาดในตลาด ทำให้ผู้ให้บริการสามารถกำหนดราคาตลาดได้ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราค่าบริการมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงต่อแรงจูงใจในการพัฒนาคุณภาพสัญญาณและความเร็วในการ Download ข้อมูลอีกด้วย โดยหน่วยงานกำกับในแต่ละประเทศได้กำหนดเงื่อนไขควบรวมที่สอดคล้องกับลักษณะของตลาดไว้ เพื่อช่วยรักษาผลประโยชน์ของผู้บริโภคให้สามารถเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมได้

ธุรกิจโทรคมนาคมของไทย

สำหรับไทย ธุรกิจโทรคมนาคมได้เผชิญการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ให้บริการของไทยพิจารณากลยุทธ์ในการควบรวมเช่นเดียวกับเทรนด์ของโลก มูลค่าตลาดโทรคมนาคมของไทยในช่วงปี 2020-2022 ได้หดตัวลงหลังจากการขยายตัวรุนแรงของความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตในช่วงโควิด-19 โดยเฉพาะบริการโครงข่ายโทรศัพท์มือถือที่หดตัวราว -2.6%CAGR จากการแข่งขันด้านราคาที่เข้มข้น ขณะที่ตลาดอินเทอร์เน็ตประจำที่เติบโตเพียงเล็กน้อยจากการขยายพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมมากขึ้น จึงส่งผลให้ผู้ให้บริการของไทยต้องปรับกลยุทธ์ทั้งการเพิ่มรายได้จากบริการอื่น เช่น บริการด้านความบันเทิงแก่ผู้บริโภค และบริการด้าน Business solution แก่ลูกค้าองค์กร รวมไปถึงการควบรวมกิจการในธุรกิจโทรคมนาคมเช่นกัน

การควบรวมธุรกิจโทรคมนาคมของไทย

การควบรวมธุรกิจโทรคมนาคมในไทยทั้ง 2 ดีล ส่งผลต่อระดับการแข่งขันในตลาดลดลง และมีแนวโน้มส่งผลให้อัตราค่าบริการเพิ่มขึ้นได้ในระยะข้างหน้า โดยในปี 2023 ผู้ให้บริการโทรคมนาคมของไทยได้ประกาศการควบรวมถึง 2 ดีลใหญ่ด้วยกัน แม้จะผ่านการพิจารณาของ กสทช. พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประโยชน์ของผู้บริโภคแล้ว แต่สภาองค์กรของผู้บริโภคยังคงกังวลถึงผลกระทบต่อตลาดโทรคมนาคมหลังการควบรวมทั้ง 2 ดีลเสร็จสิ้น

1. การควบรวม True - Dtac ในธุรกิจบริการโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ ซึ่งส่งผลให้ค่าดัชนี Herfindahl-Herschman index (HHI) ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนการแข่งขันหรือการกระจุกตัวในแต่ละอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 37.8% สะท้อนถึงการเข้าใกล้ภาวะการแข่งขันที่เท่ากันของผู้ให้บริการ 2 ราย ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่การแข่งขันด้านราคายังคงรุนแรง หรือมีโอกาสเสี่ยงเพิ่มอำนาจการผูกขาด โดย SCB EIC ประเมินว่า ในระยะแรก รายได้เฉลี่ยต่อหมายเลขของบริการโครงข่ายโทรศัพท์มือถือมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปริมาณการใช้งานข้อมูลของผู้บริโภคที่ขยายตัว ขณะที่ในระยะต่อไปมีโอกาสที่อัตราค่าบริการจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกจากระดับการแข่งขันด้านราคาที่เข้มข้นน้อยลง เนื่องจากผู้ให้บริการมุ่งเน้นแข่งขันด้านคุณภาพ เช่น การขยายพื้นที่ให้บริการ และการพัฒนาความเร็วในการ Download/Upload

2. การเข้าซื้อกิจการ 3BB ของกลุ่ม AIS โดยเป็นการเข้าซื้อทั้งธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตประจำที่ 3BB และโครงสร้างพื้นฐาน Jasif ส่งผลให้ค่าดัชนี HHI เพิ่มขึ้น 45% สะท้อนถึงระดับการแข่งขันในตลาดที่มีโอกาสลดลง ซึ่งมีแนวโน้มส่งผลให้อัตราค่าบริการอินเทอร์เน็ตประจำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในระยะข้างหน้า

โดย SCB EIC ประเมินว่า ในระยะแรกที่ผู้ให้บริการต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของ กสทช. ทำให้ AIS เน้นการขยายฐานลูกค้าไปยังผู้ใช้บริการ 3BB เดิมให้สามารถเข้าถึงบริการอื่นของ AIS ได้มากขึ้น เช่น AIS Play และบริการด้าน Business solution ขณะที่ในระยะต่อไปคาดว่าการแข่งขันด้านราคาจะมีความผ่อนคลาย จากการขยายพื้นที่ให้บริการโครงข่ายอินเทอร์เน็ตประจำที่ที่ไม่ทับซ้อนกันของผู้ให้บริการ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราค่าบริการเฉลี่ยอินเทอร์เน็ตประจำที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนการควบรวม

ทิศทางตลาดโทรคมนาคมไทย

ทั้งนี้การควบรวมทั้ง 2 ดีลมีโอกาสส่งผลให้ตลาดโทรคมนาคมของไทยเปลี่ยนแปลงไปในระยะข้างหน้า โดยการแข่งขันจะเป็นไปในรูปแบบแพ็กเกจพ่วงบริการที่มากขึ้น โดยภายหลังจากการควบรวมเสร็จสิ้น ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ของไทยจะเหลืออยู่เพียง 2 ราย และให้บริการครอบคลุมทั้งโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ตประจำที่ และบริการด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ ดังนั้น การแข่งขันด้านราคามีแนวโน้มเป็นไปในรูปแบบการนำเสนอแพ็กเกจพ่วงบริการที่หลากหลาย (Convergence package) ที่มีความคุ้มค่ามากขึ้น ซึ่งจะมีโอกาสกระตุ้นให้ผู้ให้บริการเร่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อนำเสนอบริการใหม่ ๆ ออกมา โดยนวัตกรรมใหม่ต้องอาศัยโครงข่ายที่มีคุณภาพสูงมารองรับ ซึ่งท้ายสุดแล้วผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์จากการแข่งขันในรูปแบบนี้

อ่านรายละเอียดฉบับเต็มเพิ่มเติม (คลิก) 

ที่มา: ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC)