KEY
POINTS
นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามการอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มาตรา 13 ครั้งที่ 7/2568 ร่วมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือการดำเนินงานตามนโยบายของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่กำหนดให้การปราบปรามภัยออนไลน์ เป็นวาระแห่งชาติ
นายไชยชนก เปิดเผยว่า ปัจจุบันปัญหาสแกมเมอร์ ได้ยกระดับเป็น “วาระแห่งโลก” ภายหลังประเทศต่างๆทั่วโลกให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการบูรณาการข้อมูลและการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ปรากฏผลการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งในการประชุม มีกรมศุลกากร ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อน (โอเปอเรเตอร์) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม และตัวแทนจากธนาคาร เข้าร่วมด้วย
สำหรับการประชุม คกก.ฯ ครั้งที่ 7/2568 มีวาระการประชุมที่สำคัญดังนี้
1. การกำหนดมาตรการควบคุมการนำเข้า SIM BOX
มอบหมายให้กรมศุลกากร พิจารณากำหนดมาตรการเรื่องการนำเข้า-ส่งออก พร้อมกับบูรณาการข้อมูลรายการสินค้าควบคุม สถิติการนำเข้า-ส่งออกของ SIM BOX และชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับกระทรวงดีอี และ กสทช. เพื่อประโยชน์ต่อการติดตามการใช้งาน SIM BOX ตั้งแต่ต้นทาง-ปลายทาง และมอบหมายให้ ETDA ประสานแพลตฟอร์มดิจิทัลตรวจสอบการซื้อขายออนไลน์ สินค้าประเภทอุปกรณ์ SIM BOX และชิ้นส่วนประกอบอุปกรณ์ ที่มีกฎหมายควบคุมการขาย
ในส่วนของ กสทช. ได้มีการออกประกาศควบคุม SIM BOX โดยให้ผู้ที่ถือครอง SIM BOX ซึ่งผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 23 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา
2.มาตรการควบคุมซิมการ์ดควบคุมการลงทะเบียนใช้งานซิมการ์ดจากร้านค้า ตัวแทนจำหน่าย (ลูกตู้) โดยตรวจสอบระบบลงทะเบียนซิมตามมาตรฐานที่ กสทช.กำหนด หากไม่ได้มาตรฐาน ให้ระงับการลงทะเบียน และปรับปรุงแก้ไข โดยในระหว่างการตรวจสอบ ให้ลูกค้าลงทะเบียนใช้งานซิมการ์ดผ่านศูนย์บริการเท่านั้น
สำหรับหลักเกณฑ์การลงทะเบียน ให้ยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน และผ่านระบบ Liveness Detection (ยืนยันใบหน้าแบบเรียลไทม์) และยกเลิกระบบ “2 แชะ” หรือระบบยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน คือ การถ่ายรูปผู้ซื้อซิมและบัตรประชาชน (แชะที่ 1) และการถ่ายรูปซิมการ์ดพร้อมเบอร์โทรศัพท์ (แชะที่ 2)
ด้านการถือครองซิมการ์ด เบื้องต้นบุคคลธรรมดา ถือครองได้ไม่เกิน 5 เบอร์รวมทุกค่าย/คน และหากมากกว่า 5 เบอร์ สามารถยื่นแสดงความจำนงได้ ในส่วนชาวต่างชาติ จะต้องเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกับ ตม. โดยตัวแทนโอเปอรเรเตอร์ได้รับนโยบายและยกระดับมาตรฐานในการลงทะเบียนซิมการ์ดต่อไป
นอกจากนี้ได้เตรียมบูรณาการข้อมูลร่วมกับกรมการปกครอง ในการใช้แอปพลิเคชัน ThaiD และการยืนยันโดยใช้ระบบ "Dip chip" หรือ การยืนยันตัวตนโดยอ่านชิปข้อมูลในบัตรประชาชน เพื่อช่วยเพิ่มความแม่นยำและความปลอดภัย ในการลงทะเบียนซิมที่ร้านค้า ตัวแทนจำหน่าย เพื่อป้องกันการสวมรอย
รวมถึงโอเปอเรเตอร์จะมีการส่งข้อมูลการซื้อ-ขายซิมการ์ด ให้กับ ตร. เพื่อตรวจสอบข้อมูลของพื้นที่ ป้องกันการซื้อซิมจากพื้นที่หนึ่ง ไปใช้งานผิดกฎหมายในพื้นที่อื่น
“การประชุมในวันนี้ เป็นการพิจารณามาตรการในการควบคุม SIM BOX และซิมการ์ด ร่วมกัน ซึ่งมีหน่วยงานของรัฐอย่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และภาคเอกชน คือ โอเปอเรเตอร์ ร่วมหารือกันอย่างเข้มข้น เพื่อกำหนดเป็นมาตรการที่จะกำจัดช่องทางการก่อเหตุของมิจฉาชีพได้อย่างรัดกุม และทันท่วงที
โดยตนขอยืนยันกับพี่น้องประชาชน ว่าวันนี้ทุกฝ่ายได้ให้ความร่วมมือเพื่อดำเนินการปราบปรามมิจฉาชีพอย่างเต็มที่ เพื่อลดผลกระทบจากอาชญากรรมออนไลน์ที่เป็นภัยต่อประเทศให้ได้มากที่สุด” นายไชยชนก กล่าว