net-zero

คณะผู้แทนไทย เดินหน้าเจรจา COP30 อุดช่องว่างการเงิน หนุนประเทศกำลังพัฒนา

In Brief

  • คณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม COP30 ผลักดันการเจรจาเพื่อสนับสนุนด้านการเงินและเทคนิคแก่ประเทศกำลังพัฒนาในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • เร่งรัดการดำเนินงานของกองทุนสำหรับความสูญเสียและความเสียหาย (FrLD) เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถเข้าถึงเงินทุนได้อย่างรวดเร็ว ยืดหยุ่น และโปร่งใส
  • ร่วมเจรจาแผนงานจัดการผลกระทบจากมาตรการแก้ไขปัญหาโลกร้อนที่อาจส่งผลต่อการค้าและเศรษฐกิจ เพื่อหาแนวทางลดผลกระทบต่อประเทศกำลังพัฒนาอย่างเป็นธรรม

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 30 (COP 30) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ที่จัดขึ้น ณ เมืองเบเล็ง สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ได้ผ่านมาเป็นวันที่ 3

ซึ่งคณะผู้แทนไทยโดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยประสานงานกลางของประเทศภายใต้กรอบอนุสัญญาฯ พร้อมทั้งผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมเจรจาอย่างต่อเนื่อง โดยมีความก้าวหน้าสำคัญด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เร่งเจรจาประเด็นการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเติมเต็มช่องว่างการสนับสนุนด้านการเงินและเทคนิคให้ประเทศกำลังพัฒนา สามารถดำเนินการตามแผนการปรับตัวฯ แห่งชาติ ได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงเพิ่มการสนับสนุนเงินเพื่อจัดการด้านความสูญเสียและความเสียหายมากยิ่งขึ้น

ประเทศภาคีมุ่งเจรจาแผนงานจัดการผลกระทบจากการใช้มาตรการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่อาจส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศและเศรษฐกิจโลก โดยร่วมหารือแผนการดำเนินงานและกรอบเวลาของคณะกรรมการ The Katowice Committee of Experts on the Impacts of the Implementation of Response Measures (KCI) คาดหวังให้เร่งศึกษาผลกระทบ เพื่อหาแนวทางจัดทำข้อตัดสินใจที่จะลดผลกระทบต่อประเทศกำลังพัฒนาได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม

การกำหนดแนวทางการดำเนินงานของกองทุนสำหรับความสูญเสียและความเสียหาย (FrLD) ภาคีประเทศกำลังพัฒนา ประเทศพัฒนาแล้ว สำนักเลขาธิการกรอบอนุสัญญาฯ และประเทศภาคีที่สนับสนุนเงินตั้งต้น ได้ริเริ่มหารือเพื่อตั้งเป้าหมายให้การเสนอขอเงินสนับสนุนจากกองทุนฯ ของประเทศกำลังพัฒนาเกิดความรวดเร็ว ยืดหยุ่น และโปร่งใส

ขณะเดียวกันกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน เปิด Thailand Pavilion จัดกิจกรรมคู่ขนานในการประชุม COP30 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ได้มีการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จากผู้ทรงคุณวุฒิในหลากหลายสาขา ครอบคลุมประเด็นสำคัญ เริ่มต้นด้วยหัวข้อ “Beyond Zero Carbon: Designing for a Regenerative and Resilient Future” โดยผู้ทรงคุณวุฒิในวงการสถาปนิกจาก AIA และวงการวิศวกรรมจาก ARUP แบ่งปันประสบการณ์ในการออกแบบงานสถาปนิกเพื่อสร้างกลไกแห่งการฟื้นฟู สู่อนาคตสังคมเมืองที่ยืดหยุ่นทางด้านสภาพภูมิอากาศ

ช่วงบ่ายหัวข้อ Rewriting the Rules: Youth Voices for the Future of COP” โดยกลุ่มเยาวชนมาแสดงบทบาทการเป็นกระบอกเสียงทางด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และร่วมกันเขียนนิยามบทใหม่ว่า ภาวะผู้นำด้านภูมิอากาศและระบบธรรมาภิบาลโลก เพื่อส่งต่อหน้าที่ความรับผิดชอบในการดูแลโลกใบนี้ให้กลุ่มเยาวชนเหล่านี้ต่อไป และต่อด้วยหัวข้อ “From Commitment to Collective Action: Advancing ASEAN’s Environmental Rights Agenda”

โดยมีตัวแทนผู้ชำนาญการในบริบทของภูมิภาคอาเซียน ภูมิภาคเอเชียใต้ และสหภาพยุโรป มาร่วมกันเสวนาเพื่อยกระดับจาก “คำมั่นสัญญา” สู่ “การลงมือทำร่วมกัน” ในการขับเคลื่อนวาระสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมของอาเซียนว่าด้วย “ปฏิญญาว่าด้วยสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมของอาเซียน” ที่ใกล้จะมีผลบังคับใช้ และปิดท้ายด้วยการนำเสนอวิดีทัศน์จากเยาวชนไทย ถ่ายทอดมุมมองและแรงบันดาลใจในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่น ผ่านแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในสังคมไทย

สนใจสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของการประชุม COP 30 และความเคลื่อนไหวใน Thailand Pavilion ได้ทาง Facebook กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม

ที่มา : กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเเละสิ่งเเวดล้อม