net-zero

COP30 ประเทศไหนส่งผู้แทนมากสุด ท่ามกลางการหายไปของสหรัฐฯ

In Brief

  • สหรัฐอเมริกาไม่ได้ส่งคณะผู้แทนเข้าร่วมการประชุม COP30 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังจากเริ่มกระบวนการถอนตัวจากความตกลงปารีส
  • บราซิลในฐานะประเทศเจ้าภาพ มีคณะผู้แทนเข้าร่วมการประชุมมากที่สุดจำนวน 3,805 คน
  • ประเทศที่มีผู้แทนเข้าร่วมมากเป็นอันดับรองลงมาคือ จีน ไนจีเรีย อินโดนีเซีย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกตามลำดับ

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของการประชุมสุดยอดสภาพภูมิอากาศ COP ที่สหรัฐฯ ประเทศที่มีการปล่อยคาร์บอนสะสมสูงสุดในโลก ไม่ได้ส่งคณะผู้แทนเข้าร่วมการเจรจา

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง ได้ลงนามในจดหมายถึงองค์การสหประชาชาติเพื่อเริ่มกระบวนการถอนตัวของสหรัฐฯ ออกจากความตกลงปารีสเป็นครั้งที่สอง

แม้กระบวนการดังกล่าวยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ทำเนียบขาวยืนยันเมื่อต้นเดือนนี้ว่าจะไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูง คนใดเข้าร่วมการประชุม COP30 ที่เมืองเบเลง ประเทศบราซิล

สหรัฐฯ จึงเข้าร่วมรายชื่อประเทศที่ไม่ได้ลงทะเบียนผู้แทนเข้าร่วมการประชุม ได้แก่ อัฟกานิสถาน เมียนมา และซานมารีโน ตามการวิเคราะห์ของ Carbon Brief โดยอ้างอิงรายชื่อผู้แทนชั่วคราวที่เผยแพร่โดยกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC)

แม้จะมีบางประเทศไม่เข้าร่วม แต่มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมการประชุม COP30 มากกว่า 56,000 คน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจำนวนผู้เข้าร่วมมากที่สุดในประวัติศาสตร์การประชุม COP

ทั้งนี้ ก่อนการประชุมการเตรียมการประชุมเต็มไปด้วยรายงานปัญหาการขาดแคลนที่พักและราคาที่พักที่สูงลิ่ว ตามตัวเลขเบื้องต้น มีทั้งหมด 193 ประเทศและสหภาพยุโรปที่ลงทะเบียนส่งคณะผู้แทนเข้าร่วม จึงไม่น่าแปลกใจที่คณะผู้แทนที่ใหญ่ที่สุดมาจากเจ้าภาพบราซิล มีผู้ลงทะเบียนทั้งหมด 3,805 คน

ตามมาด้วยจีน ไนจีเรีย อินโดนีเซีย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกตามลำดับ ปีนี้ยังมีจำนวนผู้แทน “ออนไลน์” มากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมผ่านระบบเสมือนจริงมากกว่า 5,000 คน

คณะผู้แทนจากประเทศสมาชิก

ด้วยจำนวนผู้ลงทะเบียน 56,118 คน การประชุม COP30 ถือเป็นการประชุม COP ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ รองจาก COP28 ที่ดูไบ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 80,000 คน

ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงตัวเลขเบื้องต้นของผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมในสถานที่จริง โดยในช่วง COP ที่ผ่านมา ตัวเลขสุดท้ายมักน้อยกว่าประมาณ 10,000 คน ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ COP30 จะอยู่ในอันดับสี่ของการประชุมที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุด อย่างไรก็ตาม UNFCCC จะเผยแพร่ตัวเลขสุดท้ายหลังปิดการประชุม โดยอ้างอิงจากจำนวนผู้ที่มารับบัตรจริงในสถานที่จัดงาน

รายชื่อผู้เข้าร่วมที่จัดทำโดย UNFCCC แบ่งตามประเภทของกลุ่มและองค์กรที่เข้าร่วมการประชุม โดยกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดคือคณะผู้แทนของประเทศสมาชิก ซึ่งได้แก่รัฐภาคีและสหภาพยุโรปที่ให้สัตยาบันในอนุสัญญาและมีสิทธิเข้าร่วมการเจรจาอย่างเต็มรูปแบบ

กลุ่มนี้มีจำนวน 11,519 คน ซึ่งเป็นจำนวนมากเป็นอันดับสี่รองจากสามครั้งก่อนหน้า เช่นเดียวกับ COP ในช่วงหลัง ๆ UNFCCC เผยแพร่ไฟล์สเปรดชีตรายชื่อผู้ลงทะเบียนทุกคน ยกเว้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุน ขณะที่ในการประชุมก่อนหน้า บางประเทศและหน่วยงานของสหประชาชาติมักเสนอชื่อผู้เข้าร่วม “เกินโควตา” ซึ่งรายชื่อจะไม่ปรากฏในเอกสารทางการ

สหรัฐฯ ไม่ร่วมประชุม

จากประเทศภาคีทั้งหมด 198 แห่ง มี 194 แห่งที่ลงทะเบียนเข้าร่วม COP30 ผู้ที่ขาดหายไปอย่างเห็นได้ชัดคือสหรัฐ ซึ่งเข้าร่วมทุกครั้งในประวัติศาสตร์ COP แม้ในสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ครั้งแรกก็ตาม โดยเฉลี่ยแล้ว สหรัฐฯ จะส่งคณะผู้แทนราว 100 คน ทำให้มักเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในการประชุมแต่ละครั้ง

ส่วนประเทศที่ไม่เข้าร่วมอื่น ๆ เช่น อัฟกานิสถาน เมียนมา และซานมารีโน มักมีการเข้าร่วมไม่สม่ำเสมออยู่แล้วในอดีต

แม้จะมีรายงานว่าเป็นฝันร้ายด้านโลจิสติกส์ สำหรับการจัดประชุมในพื้นที่ลุ่มน้ำแอมะซอน แต่จำนวนประเทศที่ลงทะเบียนกลับไม่ลดลง นอกจากโรงแรมและบ้านพักในเมืองเบเลงแล้ว ยังมีการจัดเตียงในเรือสำราญ ตู้คอนเทนเนอร์ดัดแปลง และโมเต็ล ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์บรรยายว่าโดยทั่วไปเป็นที่พักของคู่รัก

รายงานระบุว่า ก่อนหน้านั้นหลายประเทศกำลังพัฒนาพิจารณาลดขนาดคณะผู้แทน โดยอาจส่งผู้แทนเพียงไม่กี่วันเท่านั้น แม้จำนวนเฉลี่ยของคณะผู้แทนภาคีอยู่ที่ 59 คน (ไม่รวมเกินโควตา) ซึ่งน้อยกว่าสองครั้งก่อนหน้า แต่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยใน COP26 ที่กลาสโกว์ และ COP27 ที่ชาร์มเอลเช

ประเทศเจ้าภาพบราซิลมีคณะผู้แทนใหญ่ที่สุด 3,805 คน ตามด้วยจีน (789) และไนจีเรีย (749) อีก 7 ประเทศที่ติดอันดับ 10 อันดับแรก ได้แก่ อินโดนีเซีย (566) สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (556) ฝรั่งเศส (530) ชาด (528) ออสเตรเลีย (494) แทนซาเนีย (465) และญี่ปุ่น (461)

สหราชอาณาจักรอยู่ค่อนข้างต่ำในลำดับ โดยมีผู้แทน 210 คน ทั้งนี้ ควรสังเกตว่าบางประเทศ เช่น บราซิล แจกจ่ายบัตรภาคีบางส่วนให้กับองค์กร NGO ซึ่งอาจทำให้จำนวนคณะผู้แทนทางการดูสูงเกินจริง

ขณะที่คณะผู้แทนที่เล็กที่สุดคือผู้แทนจากนิการากัว ซึ่งมีเพียงคนเดียว และมีอีก 5 ประเทศที่ส่งผู้แทนเพียง 2 คน ได้แก่ เกาหลีเหนือ ลัตเวีย ลิกเตนสไตน์ เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ และสโลวาเกีย

ก่อนการประชุม COP30 รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของลัตเวียให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ว่าประเทศได้สอบถามถึงความเป็นไปได้ที่จะให้คณะผู้แทนเข้าร่วมผ่านวิดีโอคอล อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานว่าลัตเวียลงทะเบียนผู้แทนเข้าร่วมทางออนไลน์

โดยรวมแล้วมี 40 ประเทศที่ลงทะเบียนผู้แทนเสมือนจริง และส่วนใหญ่มีจำนวนไม่ถึง 10 คน ยกเว้นฟิลิปปินส์ (31) คอสตาริกา (21) และตุรกี (16)

สมดุลทางเพศที่เปลี่ยนไป

รายชื่อผู้เข้าร่วมของ UNFCCC มักระบุคำนำหน้าชื่อ เช่น Mr, Ms, Sr หรือ Sra สำหรับผู้แทนแต่ละคน ซึ่งช่วยให้ Carbon Brief วิเคราะห์อัตราส่วนระหว่างผู้ชายและผู้หญิงในแต่ละคณะได้

ทั้งนี้ การระบุคำนำหน้าชื่อเป็นไปตามระบบของ UNFCCC ไม่ใช่การกำหนดโดย Carbon Brief เอง และ Carbon Brief ยอมรับว่าการแบ่งเพศแบบทวิลักษณ์ “ชาย” และ “หญิง” อาจไม่สะท้อนความหลากหลายทางเพศอย่างแท้จริง

จากรายชื่อเบื้องต้นของ COP30 พบว่าสัดส่วนเพศเฉลี่ยของคณะผู้แทนภาคีคือ ผู้ชาย 57% ต่อผู้หญิง 43%

ทั้งนี้ ตั้งแต่ COP28 ปีที่แล้ว UNFCCC เริ่มใช้คำนำหน้าชื่อที่ไม่ระบุเพศ เช่น Dr, Prof, Ambassador และ Honourable ซึ่งคิดเป็น 1% ของผู้เข้าร่วมทั้งหมดใน COP30 

ปีนี้มีคณะผู้แทนจาก 4 ประเทศที่เป็นผู้ชายทั้งหมด ได้แก่ ตูวาลู (3 คน) ไนเจอร์ (3 คน) เกาหลีเหนือ (2 คน) และนิการากัว (1 คน) ส่วนคณะผู้แทนที่เป็นผู้หญิงทั้งหมดมี 1 ประเทศ คือ นาอูรู (5 คน)

ผู้สังเกตการณ์และการเปิดเผยแหล่งทุน

หลังจากคณะผู้แทนภาคี กลุ่มผู้สังเกตการณ์ของการเจรจาถือเป็นกลุ่มใหญ่รองลงมา ในการประชุม COP30 มีผู้สังเกตการณ์มากกว่า 12,000 คน ส่วนใหญ่เป็นตัวแทนจากองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) เช่น WWF, Ocean Conservancy และ WaterAid รวมถึงกลุ่มผลประโยชน์เฉพาะทาง เช่น สมาพันธ์เกษตรกรโลก (World Farmers’ Organisation) สมาคมผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซระหว่างประเทศ (IOGP) และสถาบันพลังงานนิวเคลียร์

องค์กรที่มีคณะผู้สังเกตการณ์ขนาดใหญ่ที่สุดคือหอการค้าระหว่างประเทศ (International Chamber of Commerce) มีผู้แทน 148 คน

ปีนี้เป็นครั้งแรกที่กระบวนการลงทะเบียนของ UNFCCC เปิดโอกาสให้ผู้สังเกตการณ์เปิดเผยแหล่งเงินทุนโดยตรงที่ใช้ในการเข้าร่วม COP30

จากผู้สังเกตการณ์ NGO ทั้งหมด 11,300 คน มี 11% ที่ไม่เปิดเผยแหล่งเงินทุน ขณะที่ 57% ระบุว่าได้รับทุนจากองค์กร NGO และ 11% จากสถาบันการศึกษาและวิจัย

นอกจากนี้ ผู้สังเกตการณ์ยังได้รับเชิญให้ประกาศความสอดคล้องของการเข้าร่วมกับวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาและเป้าหมายของพิธีสารเกียวโตและความตกลงปารีส โดยมีผู้ตอบ “ใช่” ทั้งหมด 9,755 คน ส่วนอีก 1,545 คนไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว

สื่อมวลชนเข้าร่วมอย่างคึกคัก

จากข้อมูลเบื้องต้น มีผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนลงทะเบียนเข้าร่วม COP30 ทั้งหมด 3,920 คน ซึ่งอาจทำให้การประชุมครั้งนี้เป็น COP ที่มีผู้สื่อข่าวเข้าร่วมมากที่สุดในประวัติศาสตร์

เช่นเดียวกับการระบุแหล่งทุนของผู้สังเกตการณ์ รายชื่อสื่อที่ลงทะเบียนมีความไม่สม่ำเสมอในการระบุชื่อองค์กร แต่จากการวิเคราะห์ของ Carbon Brief พบว่า สื่อบราซิลมีจำนวนผู้แทนมากที่สุด เช่น Empresa Brasil de Comunicação (142 คน) TV Cultura (87 คน) และ TV Liberal (75 คน)

สำนักข่าวรายใหญ่ระดับโลกก็มีการเข้าร่วมอย่างหนาแน่นเช่นกัน ได้แก่ Reuters (42 คน) Bloomberg (42 คน) และ Associated Press (32 คน)

สื่อชื่อดังอื่น ๆ ที่เข้าร่วม ได้แก่ Sky News (31 คน) BBC (20 คน) Financial Times (16 คน) Deutsche Welle (10 คน) The Guardian (10 คน) และ The New York Times (9 คน)

นอกจากนี้ ยังมีแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ เช่น TikTok (13 คน) YouTube (8 คน) และ GB News (9 คน) ซึ่งเป็นช่องข่าวแนวขวาจัดของสหราชอาณาจักรที่เพิ่งเผยแพร่บทความวิจารณ์เรื่องไมล์การบินจำนวนมากของผู้เข้าร่วมประชุม COP30