In Brief
โครงการโซลาร์สูบนํ้าเพื่อการเกษตร ถือเป็นหนึ่งในนโยบาย “Quick Big Win” ด้านพลังงาน ของรัฐบาล เพื่อการสร้างรายได้ ลดรายจ่ายด้านพลังงานภาคประชาชน โดยมีเป้าหมายที่จะติดตั้ง 1,200 ระบบ ครอบคลุมพื้นที่ 7 แสนไร่ เป็นรูปแบบที่ภาครัฐเป็นผู้ลงทุน โดยใช้งบจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ติดตั้ง 50 ระบบ วงเงิน 536 ล้านบาท และกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ติดตั้ง 1,150 ระบบ วงเงิน 11,960 ล้านบาท
โดยจะช่วยลดค่าพลังงานได้ 1,500 บาทต่อไร่ต่อปี กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนกว่า 12,500 ล้านบาท มีกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้ 87.5 เมกะวัตต์ สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ได้ 0.06 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี
ล่าสุดนางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการดังกล่าวกระทรวงพลังงานกำลังเร่งขับเคลื่อนให้เป็นไปตามนโยบายที่ตั้งเป้าหมายไว้ เนื่องจากโครงการดังกล่าวได้มีการศึกษาศักยภาพของพื้นที่มาตั้งแต่ปี 2566 โดยพบว่ามีโครงการที่มีศักยภาพในการพัฒนาถึง 4,597 โครงการ ครอบคลุมทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ศักยภาพของโครงการดังกล่าว จะอยู่ภายใต้เงื่อนไขเป็นพื้นที่ที่ไม่อยู่ในเขตชลประทาน ไม่อยู่แม่นํ้าสายหลัก ไม่อยู่ในพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มนํ้าชั้น 1 ไม่อยู่ในพื้นที่ชุ่มนํ้าตามกฎหมาย ไม่อยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมาย และต้องมีหนองนํ้าหรือสระนํ้าขนาดเหมาะสมในบริเวณพื้นที่
อีกทั้ง กรอบการพัฒนาของโครงการ จะต้องเป็นพื้นที่เกษตรสถานีละไม่เกิน 1,000 ไร่ แล้วแต่ชนิดพืชเศรษฐกิจที่เหมาะสม โดยภาครัฐลงทุนระบบไฟฟ้า ระบบสูบ และระบบจ่ายนํ้าสายหลัก ราษฎรลงทุนท่อแยกไปยังพื้นที่ปลูกของตนเอง และต้องมีหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้บริหารจัดการ อีกทั้ง คาร์บอนเครดิตที่ได้จะต้องตกเป็นของภาครัฐ
ทั้งนี้ การดำเนินระยะแรกจะนำร่องติดตั้งโครงการโซลาร์สูบนํ้าเพื่อการเกษตร 50 ระบบ โดยใช้เงินจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เงินลงทุนราว 536 ล้านบาท เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพและทางพพ.ได้มีการศึกษาออกแบบระบบไว้แล้ว มีระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ถึงกุมภาพันธ์ 2569 และจะขยายผลอีก 200 ระบบ มีระยะเวลาดำเนินงานตุลาคม 2568 ถึงธันวาคม 2569 โดยใช้เงินจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน
ล่าสุดคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ได้พิจารณากรอบวงเงินดำเนินงานเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เพื่อนำเสนอสู่การพิจารณาของบอร์ด กกพ.จะเห็นชอบหรือไม่
อย่างไรก็ตามโครงการนำร่องนี้คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนมกราคม 2569 เป็นต้นไป โดยเฉพาะโครงการโซลาร์สูบนํ้าเพื่อการเกษตร กำลังผลิต 92 กิโลวัตต์ ในพื้นที่บึงบ้านโนน ตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ที่จะใช้เงินลงทุนราว 12.12 ล้านบาท มีความพร้อมแล้ว
สำหรับผลประโยชน์ที่จะได้จากโครงการติดตั้งโซลาร์เพื่อการเกษตร 250 ระบบ จะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าจากการสูบนํ้า 117.5 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 1,500 บาทต่อไร่ต่อปีเพิ่ม Yield เพาะปลูก และทำเกษตรฤดูแล้ง มีรายได้เพิ่มขึ้น 66.1 ล้านบาทต่อปี หรือ 4,300 บาทต่อไร่ต่อปี ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ได้ 17.5 เมกะวัตต์ (MW) ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 12,775 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และเกิดการจ้างงานจากการท่อสร้างระบบสูบนํ้าโซลาร์เซลล์ 3,000 คน และ Carbon Credit ที่ได้จะเป็นของรัฐ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง