net-zero

แผนอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพนิวยอร์ก จุดเปลี่ยนเมืองใหญ่ของโลก

In Brief

  • นิวยอร์กจัดทำแผนอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพฉบับแรก โดยมีข้อเสนอเชิงปฏิบัติกว่า 70 ข้อ เพื่อบูรณาการธรรมชาติเข้ากับการพัฒนาเมืองและสร้างบทบาทผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก
  • ข้อเสนอหลักในแผนมุ่งเน้นการเพิ่มงบประมาณสำหรับพื้นที่สีเขียว การส่งเสริมการศึกษาด้านนิเวศวิทยาในโรงเรียน และการผลักดันให้ภาคธุรกิจลงทุนฟื้นฟูระบบนิเวศในท้องถิ่น
  • แผนดังกล่าวมีความสำคัญในฐานะจุดเปลี่ยน เนื่องจากเป็นการยกระดับนโยบายของเมืองที่ทรงอิทธิพลให้สอดคล้องกับกรอบความหลากหลายทางชีวภาพระดับโลก และปฏิบัติต่อธรรมชาติในฐานะโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ

นิวยอร์กเป็นที่รู้จักในฐานะมหานครแห่งตึกระฟ้า ระบบรถไฟใต้ดิน และประชากรราว 8.5 ล้านคนที่มาจากทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกัน เมืองนี้ยังเป็นถิ่นอาศัยของดินน้ำแข็งเก่าแก่ (glacial soils) นก Piping Plover ที่มาทำรัง และผีเสื้อ Monarch ที่อพยพข้ามทวีป สายพันธุ์หายากอย่างต้นไม้ Pumpkin Ash เติบโตในป่า ขณะที่กบสายพันธุ์ Atlantic Coast Leopard อาศัยอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำ และปลาไหลอเมริกันเดินทางกลับสู่อ่าวนิวยอร์กทุกปีจากทะเล Sargasso 

นิวยอร์กตั้งอยู่ในจุดเชื่อมต่อของเส้นทางอพยพหลักและระบบชายฝั่ง จึงมีบทบาทสำคัญต่อการเคลื่อนย้ายของนก แมลง และสิ่งมีชีวิตทางทะเลข้ามทวีป ตัวอย่างเช่น ระบบปากแม่น้ำของเมืองเชื่อมต่อกับมหาสมุทรที่หล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตห่างไกลอย่างนก Arctic Tern และเต่าทะเล Loggerhead แม้เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความเป็นเมืองสูงที่สุดในโลก แต่ความหลากหลายทางชีวภาพยังคงดำรงอยู่

การเผยแพร่รายงานของคณะทำงานความหลากหลายทางชีวภาพนครนิวยอร์ก (New York City Biodiversity Task Force) เป็นก้าวสำคัญของการปรับแนวทางให้สอดคล้องกับเป้าหมายระดับโลก ขณะที่เมืองใหญ่อย่างปารีส ลอนดอน เซาเปาโล และคัมปาลา ได้ให้ความสำคัญกับธรรมชาติในระบบการบริหารท้องถิ่น แต่นิวยอร์กยังไม่มีวาระด้านความหลากหลายทางชีวภาพที่ชัดเจน

ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา NYC Parks ได้รับงบประมาณไม่ถึง 1% ของงบประมาณเทศบาล แม้จะมีความต้องการเพิ่มการจัดสรรก็ตาม ปัจจุบัน แม้นิวยอร์กจะเป็นหนึ่งในเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก แต่ก็ยังไม่มีแผนยุทธศาสตร์แบบบูรณาการเพื่อวัด ปกป้อง หรือสร้างการลงทุนในระบบนิเวศของตนเอง ซึ่งส่งผลกระทบในระดับโลก

สหรัฐยังคงเป็นหนึ่งในเพียงสี่ประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่ยังไม่ให้สัตยาบันอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (CBD) ภายใต้ช่องว่างดังกล่าว การที่นิวยอร์กหันมามีบทบาทนำด้านสิ่งแวดล้อมจึงมีความจำเป็น

การดำเนินการของนิวยอร์กส่งผลสะเทือนเกินขอบเขตของเมือง ในฐานะเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ การใช้ที่ดินและการจัดซื้อจัดจ้างของเมืองมีอิทธิพลอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลก สิ่งที่นิวยอร์กซื้อ สร้าง หรือควบคุมล้วนส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานและตลาดระหว่างประเทศ อีกทั้งภาคการเงินของเมืองยังมีบทบาทต่อความยั่งยืนของภาคธุรกิจทั่วโลก

คณะทำงานความหลากหลายทางชีวภาพของนิวยอร์ก ซึ่งประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่หน่วยงาน และผู้นำระดับชุมชน ใช้เวลา 15 เดือนจัดทำรายงานที่ประกอบด้วยข้อเสนอเชิงปฏิบัติกว่า 70 ข้อ เพื่อบูรณาการความหลากหลายทางชีวภาพเข้าสู่ทุกมิติของชีวิตในเมือง โดยมีผู้ตรวจสอบทั้งในและต่างประเทศร่วมให้ความเห็นเชิงวิทยาศาสตร์และองค์ความรู้ในระดับชุมชน เพื่อให้ข้อเสนอมีความครอบคลุมและปฏิบัติได้จริง

รายงานดังกล่าวเน้นความสำคัญของการศึกษาในช่วงต้นชีวิต โดยเสนอให้โรงเรียนรัฐบาลทุกแห่งส่งเสริมให้นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์กับธรรมชาติในท้องถิ่น ตั้งแต่พื้นที่ชุ่มน้ำเค็มไปจนถึงต้นไม้ริมถนน เพื่อพัฒนาความรู้ด้านนิเวศผ่านการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ

รายงานยังชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างระบบนิเวศกับสุขภาพของประชาชน โดยการเข้าถึงพื้นที่สีเขียวสามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนและเพิ่มความยืดหยุ่นต่อวิกฤติ สิ่งสำคัญคือทุกชุมชนควรมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อยู่ใกล้ตัว เพื่อให้ชาวนิวยอร์กสามารถชมแสงหิ่งห้อย ฟังเสียงจักจั่น และค้นพบช่วงเวลาแห่งความสุขที่ทำให้ชีวิตเมืองมีคุณค่า

ธุรกิจเพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ

ความสำเร็จของแผนความหลากหลายทางชีวภาพของนิวยอร์กยังขึ้นอยู่กับการที่ภาคเอกชนจะสามารถปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางนิเวศของเมืองได้เพียงใด

แม้หลายบริษัทได้ดำเนินงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพผ่านห่วงโซ่อุปทานและกรอบการทำงานอย่าง Taskforce on Nature-related Financial Disclosures (TNFD) แต่ความพยายามเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังเน้นผลกระทบระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ ขณะที่ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมของศูนย์กลางองค์กรภายในเมืองยังแทบไม่ถูกตรวจสอบ

บริษัทที่ตั้งเป้าหมายเชิงบวกต่อธรรมชาติควรลงทุนไม่เพียงเฉพาะในพื้นที่ที่สกัดทรัพยากร แต่ยังรวมถึงพื้นที่ที่ดำเนินกิจการด้วย สำหรับเมืองอย่างนิวยอร์ก นั่นอาจหมายถึงการฟื้นฟูถิ่นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต การร่วมมือกับองค์กรชุมชน และการสร้างเรื่องเล่าใหม่เกี่ยวกับธรรมชาติในเมือง

เนื่องจากเมืองคือสถานที่ที่ผู้คนส่วนใหญ่สัมผัสกับธรรมชาติ การสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพในเขตเมืองจึงอาจเป็นกลยุทธ์บริหารความเสี่ยงและเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนได้เช่นกัน

เชื่อมโยงการดำเนินงานท้องถิ่นกับเป้าหมายระดับโลก

กรอบแนวคิดของรายงานคณะทำงานความหลากหลายทางชีวภาพนิวยอร์กสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศที่สำคัญหลายฉบับ รวมถึงกรอบความหลากหลายทางชีวภาพโลกคุนหมิง–มอนทรีออล (Kunming-Montreal Global Biodiversity Framework) เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SDGs) และโครงการ BiodiverCities by 2030 ของ World Economic Forum

รายงานยังสะท้อนฉันทามติทางวิทยาศาสตร์จากการประเมิน Nexus ของ IPBES ซึ่งเน้นถึงความเชื่อมโยงระหว่างความหลากหลายทางชีวภาพ น้ำ สุขภาพ ภูมิอากาศ และระบบอาหาร โดยตอกย้ำสาระสำคัญของคณะทำงานว่า ความหลากหลายทางชีวภาพในเขตเมืองไม่อาจแยกออกจากความยืดหยุ่นด้านภูมิอากาศ ความเท่าเทียม และคุณภาพชีวิตของมนุษย์ได้

ข้อเสนอสำคัญของคณะทำงาน ได้แก่
การประเมินและลงทุนในบริการระบบนิเวศ เช่น การป้องกันน้ำท่วมและการฟอกอากาศ โดยจัดสรรงบประมาณ 2% ของเมืองเพื่อบริหารพื้นที่สีเขียว

การผสมผสานพันธุ์ไม้ท้องถิ่นเข้ากับชุมชน เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศเมือง สนับสนุนการผสมเกสร และเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม

การพัฒนาโครงการสร้างงานสีเขียวและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างอาชีพในท้องถิ่นและพัฒนาทักษะในอุตสาหกรรมฟื้นฟูระบบนิเวศ

การคุ้มครองพื้นที่อนุรักษ์ที่มีอยู่ตามกฎหมาย เพื่อปกป้องสายพันธุ์และถิ่นอาศัยหายาก

การเสริมบทบาทผู้นำระดับโลกผ่านความร่วมมือกับ CitiesWithNature และการให้การรับรอง Edinburgh Declaration เพื่อสอดคล้องกับธรรมาภิบาลด้านความหลากหลายทางชีวภาพในเมืองระดับนานาชาติ

แนวทางเหล่านี้ทำให้นโยบายของเมืองสอดรับกับการเรียกร้องเร่งด่วนจาก IPBES และองค์กรอื่น ๆ ที่ให้ปฏิบัติต่อธรรมชาติในฐานะ “โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ” เทียบเท่ากับที่อยู่อาศัยและระบบขนส่ง

เมืองระดับโลกที่เริ่มต้นช้าแต่ไม่สาย

คณะทำงานความหลากหลายทางชีวภาพนิวยอร์กยอมรับว่า เมืองนี้เริ่มขับเคลื่อนประเด็นดังกล่าวล่าช้ากว่าเมืองอื่น ขณะที่หลายเมืองได้แสดงบทบาทนำอย่างชัดเจนแล้ว เช่น ดัชนีความหลากหลายทางชีวภาพของสิงคโปร์ (City Biodiversity Index) ที่กลายเป็นมาตรฐานระดับโลก ซานฟรานซิสโกและบาร์รันกีญากำลังก้าวหน้าภายใต้แนวคิด “Nature Positive” ของ World Economic Forum ส่วนฟรีทาวน์กำลังฟื้นฟูป่าชายเลนเพื่อเสริมความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นิวยอร์กมีแนวชายฝั่งยาวกว่า 520 ไมล์ สายพันธุ์พืชหายาก และถิ่นอาศัยเฉพาะตัวอย่างทุ่งหญ้า serpentine ซึ่งถือว่ามีคุณค่า แต่ทรัพยากรเหล่านี้ยังคงถูกมองเป็นเพียงเรื่องรอง สิ่งที่ขาดหายไปคือการประสานงาน การมองเห็น และการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเมืองเตรียมเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงผู้นำฝ่ายบริหาร นี่จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ด้วยการจัดตั้งสำนักงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพ (Office for Biodiversity) การบูรณาการข้อมูลนิเวศในกระบวนการวางแผน และการรับประกันว่าทุกชุมชนจะเข้าถึงธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ได้