In Brief
รายงานล่าสุดจากศูนย์ข้อมูลสิ่งแวดล้อมแห่งชาติสหรัฐฯ (NOAA) ผ่านฐานข้อมูล Statista เผยว่า เดือนพฤษภาคม ปี 2025 เป็นหนึ่งในเดือนที่ “ร้อนที่สุดในประวัติการณ์” โดยกว่า 7.1% ของพื้นผิวโลก มีอุณหภูมิสูงสุดจน “ทำสถิติใหม่” ซึ่งตอกย้ำแนวโน้มโลกร้อนที่ดำเนินต่อเนื่องยาวนานกว่า 5 ปี
NOAA ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา โลกเข้าสู่ภาวะ “ความร้อนทำนิวไฮ” อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปี 2023 ที่ 20% ของพื้นผิวโลก มีอุณหภูมิสูงสุดในรอบประวัติศาสตร์ ทำให้ถูกบันทึกเป็น “ปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา” ขณะที่ปี 2024-2025 ยังพบพื้นที่กว่า 7% ของโลกที่ทำลายสถิติความร้อนรายเดือนใหม่อย่างต่อเนื่อง
ในทางกลับกัน พื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำสุดในรอบปี หรือ “หนาวสุดในประวัติการณ์” กลับลดลงอย่างมาก เหลือต่ำกว่า 1% ของพื้นผิวโลกติดต่อกันนานถึง 5 ปี ซึ่งถือเป็นสัญญาณของความไม่สมดุลของภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
นักอุตุนิยมวิทยาชี้ว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ที่เกิดขึ้นในปี 2023–2024 เป็นหนึ่งในปัจจัยเร่งให้โลกเผชิญ “คลื่นความร้อน” หลายภูมิภาค ทั้งเอเชีย ยุโรป แอฟริกา และอเมริกาเหนือ โดยมีผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อภาคเกษตร การผลิตพลังงาน และต้นทุนดำเนินชีวิตของประชาชนทั่วโลก
รายงาน NOAA ยังเตือนว่า โลกกำลังเคลื่อนเข้าสู่ “ยุคสภาพอากาศสุดขั้ว” (Climate Extremes) ที่ไม่เพียงเพิ่มความรุนแรงของภัยธรรมชาติ แต่ยังเป็นแรงสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจในระยะยาว ตั้งแต่ระบบประกันภัย ภาคพลังงาน ไปจนถึงความมั่นคงทางอาหารของหลายประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง