sustainable

‘ชนะ ภูมี’ นั่งบอร์ดส.ปูนซีเมนต์-คอนกรีตโลกวาระ 2 เชื่อมโลกดันเป้า Net Zero 2050

In Brief

  • ดร.ชนะ ภูมี ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งกรรมการสมาคมปูนซีเมนต์และคอนกรีตโลก (GCCA) ต่อเนื่องเป็นวาระที่ 2 (พ.ศ. 2568–2570)
  • ทำหน้าที่เชื่อมโยงความร่วมมือระดับโลก เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์สู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050
  • เปิดโอกาสให้ไทยเข้าถึงองค์ความรู้ เทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ และแหล่งทุนสีเขียว (Green Finance) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ดร.ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA)  เปิดเผยว่า ได้รับความไว้วางใจจากประเทศสมาชิกให้ดำรงตำแหน่งกรรมการสมาคมปูนซีเมนต์และคอนกรีตโลก (Global Cement and Concrete Association: GCCA) ต่อเนื่อง เป็นวาระที่ 2 (พ.ศ. 2568–2570) 

ทั้งนี้ ถือเป็นปัจจัยที่แสดงถึงบทบาทด้านความยั่งยืนของประเทศไทยในเวทีสากล และสะท้อนความเชื่อมั่นจาก CEO อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และคอนกรีตทั่วโลก ต่อศักยภาพของไทยในการผลักดันความร่วมมือด้านการลดคาร์บอนอย่างจริงจัง

โดยจะมุ่งต่อยอดพันธกิจ Green Transition ผ่านการเชื่อมโยงทุนสีเขียว (Green Finance) และการนำเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำมาปรับใช้ในภาคอุตสาหกรรมอย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่บทบาทของ GCCA เอง ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และคอนกรีตในระดับโลก 

“การได้รับความไว้วางใจให้ไทยมีตัวแทนในองค์กรระดับโลกดังกล่าว ถือเป็นสัญญาณบวกต่อการยกระดับศักยภาพของไทยและภูมิภาคให้การเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero 2050 ดำเนินไปอย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ”

ดร.ชนะ กล่าวอีกว่า การเข้าทำหน้าที่ใน GCCA เปิดโอกาสให้ประเทศไทยเข้าถึงองค์ความรู้ เทคโนโลยี และแหล่งทุนสีเขียวที่จำเป็นต่อการเร่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่เป้าหมาย Net Zero 2050 รวมถึงเสริมศักยภาพภาคอุตสาหกรรมไทยให้รับมือกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศที่เข้มข้นขึ้น ผ่านเครือข่ายความร่วมมือระดับโลกทั้งด้านนโยบายและการเงิน เช่น UNIDO, World Economic Forum, Asian Development Bank และ GIZ เป็นต้น 

ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เทคโนโลยีดักจับ–ใช้ประโยชน์–กักเก็บคาร์บอน (CCUS) หรือโครงการนำร่องลดการปล่อยคาร์บอน สู่การใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรม

สำหรับความท้าทายด้านความยั่งยืนในปัจจุบัน ทั้งการลดการปล่อยคาร์บอน (Decarbonization) การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีสะอาด (Innovation and Green Technology) และการเข้าถึงทุนสีเขียว (Green Finance) เป็นปัจจัยสำคัญกำหนดขีดความสามารถแข่งขันของประเทศในระยะยาว 

ดังนั้น การดึงดูดการลงทุนสีเขียวและสร้างความร่วมมือระดับโลกจึงมีความจำเป็น เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะ SMEs และชุมชนท้องถิ่น ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง

“การทำงานร่วมกับหน่วยงานระดับโลกที่มีเป้าหมายลดคาร์บอนมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ต่อภาคอุตสาหกรรมไทย โดยทำหน้าที่เชื่อมโยงโลก-อาเซียน-ไทยเข้าด้วยกัน ช่วยให้อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ของไทยลดคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้การเปลี่ยนผ่านสีเขียวเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศในระยะยาว และนำประโยชน์จากเวทีโลกกลับมาสู่เศรษฐกิจไทยได้อย่างยั่งยืน“