net-zero

CATL เร่งขยายฐาน EV ทั่วโลก เจาะยุโรป–ดันเทคโนโลยีเปลี่ยนแบตฯ

CATL ยักษ์ใหญ่แบตเตอรี่จีน เร่งขยายธุรกิจสู่ยุโรปหลังระดมทุน ผลักดันเทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบเปลี่ยน หวังลดคาร์บอน-เพิ่มความยั่งยืนสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน EV ทั่วโลก

การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบขนส่งที่ปล่อยคาร์บอนต่ำไม่ใช่แค่เรื่องของยานยนต์ไฟฟ้า แต่คือการแข่งขันด้านเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนระดับโลก ท่ามกลางผู้เล่นจำนวนมากที่เร่งชิงพื้นที่ในตลาด EV หนึ่งในผู้นำที่น่าจับตามากที่สุดคือ CATL บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านแบตเตอรี่จากจีน ซึ่งไม่เพียงครองส่วนแบ่งตลาดระดับโลก แต่ยังเดินหน้าเทคโนโลยี “เปลี่ยนแบตเตอรี่” ที่อาจเขย่าภูมิทัศน์ของยุโรป และปูทางสู่เป้าหมาย Net Zero ได้ในทางปฏิบัติ 

ผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รายใหญ่ที่สุดของโลกกำลังเดินหน้าขยายตัวในระดับสากรอย่างเต็มกำลัง และอาจสร้างความสั่นสะเทือนให้กับตลาด EV ด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีการเปลี่ยนแบตเตอรี่

บริษัท Contemporary Amperex Technology Co. Ltd. (CATL) ของจีน เป็นผู้เล่นสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่การขนส่งที่ยั่งยืนมากขึ้นทั่วโลก โดยมีส่วนแบ่งการตลาดในภาค EV ประมาณ 38% ลูกค้าของ CATL ได้แก่ บริษัทระดับโลกอย่าง Tesla, Volkswagen และ BMW โดยบริษัทนี้มีเทคโนโลยีที่เหนือชั้นกว่าคู่แข่งฝั่งตะวันตกอย่างมาก

แม้จะมีบทบาทที่ใหญ่โตในอุตสาหกรรม EV แต่บริษัทกลับแทบไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จนกระทั่งเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อเปิดตัวการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะ (IPO) ครั้งใหญ่ที่สุดของปี 2025 จนถึงขณะนี้ในฮ่องกง

การเสนอขายหุ้นครั้งนี้ระดมทุนได้4.1 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง (5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) หลังจากหุ้นของ CATL พุ่งขึ้น และมีการใช้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกินเต็มจำนวน

สิ่งที่ CATL กำลังดำเนินการหลังการเสนอขายหุ้น

การขยายตัวทั่วโลก

ก่อนการเสนอขายหุ้น CATL ระบุว่า 90% ของเงินทุนที่ได้จากการเสนอขายจะนำไปใช้เพื่อขยายธุรกิจในยุโรป โดยเฉพาะโรงงานในฮังการีที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง

การลงทุนมูลค่า 7.6 พันล้านยูโร (8.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อสร้างโรงงานแบตเตอรี่ที่เมืองเดเบรเซิน ถูกประกาศครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2022 และคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ภายในปีนี้

ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายนี้ได้ตั้งฐานการผลิตแบบถือหุ้นทั้งหมดในเยอรมนี ซึ่งเริ่มเปิดดำเนินการครั้งแรกในปี 2023 และยังประกาศแผนสร้างโรงงานแบตเตอรี่ในสเปนผ่านการร่วมทุนกับ Stellantis

บิล รุสโซ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทที่ปรึกษาการลงทุน Automobility กล่าวกับ CNBC ว่า แผนการขยายของ CATL ดูเหมือนจะถูกออกแบบมาเพื่อรักษาความเป็นผู้นำและขนาดระดับโลกของบริษัท อ้างอิงจากแรงผลักดันที่จำกัดในตลาดในประเทศ และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น

ข้อได้เปรียบในฐานะผู้เริ่มต้นของ CATL ช่วยให้สามารถล็อกสัญญาระยะยาวได้ และมีอำนาจต่อรองด้านราคาที่แข็งแกร่งกว่าในยุโรป ซึ่งส่งผลให้มีอัตรากำไรสูงกว่าจีน

เขาเสริมว่า โรงงานในฮังการีเป็นประตูยุทธศาสตร์สู่ตลาดสหภาพยุโรป ฮังการีมีความใกล้ชิดกับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ (OEMs) มีแรงจูงใจจากรัฐบาล และต้นทุนแรงงานต่ำ ทำให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางที่น่าดึงดูดสำหรับผู้เล่น EV และแบตเตอรี่จากจีนที่ต้องการตั้งหลักในยุโรป

การลงทุนทั่วโลกของ CATL สะท้อนแนวโน้มของบริษัท EV จากจีนจำนวนมากขึ้น รวมถึงบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง BYD ที่กำลังเปลี่ยนเป้าหมายมายังยุโรป ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและสงครามราคาในตลาดในประเทศ

ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่เวที World Economic Forum ที่เมืองเทียนจิน ประเทศจีน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการผลิตของ CATL กล่าวว่า สงครามลดราคาที่โหดร้ายนี้จะไม่ยุติลง หากไม่มีการแทรกแซงจากรัฐบาลปักกิ่ง หากผู้เล่นรายใหญ่ยังคงลดราคาอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลให้คู่แข่งรายอื่น ๆ ถูกขับออกจากตลาด และสร้างภาวะผูกขาดขึ้นมา แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อบริษัทใดโดยตรง แต่คู่แข่งหลักอย่าง BYD ได้ประกาศลดราคาในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม

มาร์จิ้นที่ต่ำและปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินในจีนเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ CATL ขยายไปยุโรป ทู ลี ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของ Sino Auto Insights กล่าว พร้อมเสริมว่า บริษัทได้จัดหาสินค้าให้กับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแทบจะทุกรายในจีนอยู่แล้ว ซึ่งจำกัดโอกาสเติบโตในประเทศ

แต่ในยุโรปก็ไม่ได้ราบรื่นไปทั้งหมด สหภาพยุโรปได้ตั้งกำแพงภาษีเชิงลงโทษต่อรถยนต์ EV ที่ผลิตในจีนเมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการที่เข้มงวดกว่า

ในบรรดาบริษัทที่มีโอกาสประสบความสำเร็จในการพัฒนาอุตสาหกรรมการเปลี่ยนแบตเตอรี่ในยุโรป ไม่มีรายใดมีตำแหน่งที่ได้เปรียบเท่า CATL  โรงงานในฮังการีเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญสู่แผนการสร้างฐานการผลิตในท้องถิ่นของบริษัท และจะนำไปสู่ต้นทุนแรงงานที่ต่ำลง และสภาพแวดล้อมทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เป็นมิตรยิ่งกว่าที่เยอรมนี

CATL ยังมีส่วนร่วมในโครงการแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรในอินโดนีเซีย ตามรายงานจากสื่อท้องถิ่น เจ้าหน้าที่รัฐบาลคาดว่าโรงงานจะเริ่มผลิตในเดือนมีนาคม 2026 ซึ่งอาจทำให้ CATL มีบทบาทในตลาด EV ที่กำลังเติบโตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เทคโนโลยีการเปลี่ยนแบตเตอรี่

CATL ระบุในการให้สัมภาษณ์กับ Financial Times เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า บริษัทมีแผนจะเปิดตัวเทคโนโลยีการเปลี่ยนและรีไซเคิลแบตเตอรี่ในยุโรป ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อภูมิภาคนี้ 

เทคโนโลยีการเปลี่ยนแบตเตอรี่สมัยใหม่ แม้จะเป็นที่นิยมในจีน แต่ยังไม่แพร่หลายในยุโรป ผู้ผลิต EV จากจีนและผู้บุกเบิกเทคโนโลยีเปลี่ยนแบตเตอรี่รายหนึ่งอย่าง Nio เป็นข้อยกเว้น โดยบริษัทได้เปิดสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ 60 แห่งในเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ก

ในขณะที่ผู้ผลิต Jeep และ Dodge อย่าง Stellantis ได้จับมือกับบริษัท Ample จากสหรัฐฯ เพื่อนำเทคโนโลยีการเปลี่ยนแบตเตอรี่มาใช้กับรถ Fiat 500 EV จำนวน 100 คันในกรุงมาดริด ประเทศสเปน

ประสบการณ์ในการใช้สถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่นั้นคล้ายคลึงกับการใช้เครื่องล้างรถอัตโนมัติ โดยผู้ขับขี่ EV จะจอดรถบนแท่นที่มีระบบบูรณาการ ซึ่งจะถอดแบตเตอรี่ที่หมดแล้วออกจากใต้รถ และใส่แบตเตอรี่ใหม่ที่ชาร์จเต็มเข้าไปแทนที่ ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 5 นาที

ผู้สนับสนุนเทคโนโลยีการเปลี่ยนแบตเตอรี่กล่าวว่า นวัตกรรมนี้สามารถแก้ปัญหาได้หลายประการ โดยเฉพาะในเรื่องของการชาร์จเร็วและประสิทธิภาพระยะยาว ซึ่งเป็นสองปัจจัยหลักที่เป็นอุปสรรคต่อการนำ EV มาใช้อย่างแพร่หลาย

นักวิเคราะห์ยังระบุด้วยว่า ข้อดีอีกประการหนึ่งของระบบเปลี่ยนแบตเตอรี่คือการเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตรถยนต์ยังคงเป็นเจ้าของแบตเตอรี่ ซึ่งจะช่วยลดราคาของตัวรถในตอนต้น และสร้างรายได้ต่อเนื่องให้กับผู้ผลิต (OEM)

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง เช่น ต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สูง และการขาดมาตรฐานร่วมกันระหว่างผู้ผลิตรถยนต์

คอนเนอร์ วัตส์ นักวิเคราะห์ด้านวัตถุดิบแบตเตอรี่จากบริษัทที่ปรึกษา Fastmarkets กล่าวว่า CATL ซึ่งมีความร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์ของจีนหลายราย อยู่ในสถานะที่ดีในการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์ร่วมกันให้กับลูกค้าทั้งหมด

หลังจากที่บริษัทได้รับเงินทุนก้อนใหญ่จากการจดทะเบียนในฮ่องกง CATL ก็มีเงินทุนเพียงพอสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในตลาดยุโรป ในบรรดาบริษัทที่อาจประสบความสำเร็จในการพัฒนาอุตสาหกรรมเปลี่ยนแบตเตอรี่ในยุโรป ไม่มีรายใดมีตำแหน่งในตลาดที่ได้เปรียบเท่า CATL

จูเลีย โพลิสกาโนวา ผู้อำนวยการอาวุโสด้านยานยนต์และห่วงโซ่อุปทานการเคลื่อนที่ด้วยไฟฟ้า จากกลุ่มรณรงค์ Transport & Environment กล่าวว่า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จะต้องตกลงกันเรื่องการออกแบบเซลล์แบตเตอรี่ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน หากต้องการให้เทคโนโลยีเปลี่ยนแบตเตอรี่สามารถขยายตัวในยุโรปได้ในวงกว้าง

การเปลี่ยนแบตเตอรี่เป็นส่วนเสริมที่ดีในระบบการชาร์จ และในบางกลุ่มตลาดก็มีเหตุผลที่ควรทำแต่ไม่ใช่ทางออกครอบจักรวาลที่จะช่วยเราได้ทั้งหมด เรายังต้องใช้แบตเตอรี่อยู่ดี และยังต้องการวัตถุดิบสำหรับผลิตแบตเตอรี่ ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ที่เปลี่ยนได้ หรือแบตเตอรี่ที่ติดอยู่กับรถอย่างถาวรก็ตาม

CATL จากสตาร์ทอัพจีนสู่ผู้นำแบตเตอรี่โลก 

CATL หรือ Contemporary Amperex Technology Co., Limited ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2011 ที่เมืองหนิงเต๋อ มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน โดย Zeng Yuqun หรือ Robin Zeng นักวิทยาศาสตร์ผู้มองเห็นอนาคตของพลังงานสะอาด

Zeng เริ่มต้นอาชีพในสายวัสดุศาสตร์และเทคโนโลยีแบตเตอรี่ เขาเคยเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Amperex Technology Limited (ATL) ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมพอลิเมอร์สำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และอุปกรณ์สวมใส่ โดยมี Apple เป็นหนึ่งในลูกค้าหลัก

แต่เมื่อโลกเริ่มขับเคลื่อนสู่พลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะในภาคยานยนต์ Zeng มองเห็นโอกาสใหม่ จึงตัดสินใจแยกตัวจาก ATL และก่อตั้ง CATL ขึ้นในรูปแบบ spin-off โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นผู้นำระดับโลกด้านแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System ESS)

CATL เริ่มต้นด้วยทีมขนาดเล็ก แต่มีจุดแข็งด้านความรู้เชิงลึกในสาขาเคมีไฟฟ้า (Electrochemistry) ความเข้าใจโครงสร้างซัพพลายเชนในอุตสาหกรรม และความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ผลิตรถยนต์ได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น

ในช่วงแรก บริษัทมุ่งเน้นงานวิจัยและพัฒนาเซลล์แบตเตอรี่คุณภาพสูง พร้อมทั้งลงทุนในห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่วัตถุดิบ การผลิตเซลล์ ไปจนถึงการประกอบแพ็กแบตเตอรี่ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรง ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในอุตสาหกรรม แต่ด้วยวิสัยทัศน์ระยะยาวและศักยภาพด้านเทคนิค CATL ก็สามารถเติบโตอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นบริษัทที่บริษัทรถยนต์ทั่วโลกเริ่มจับตามอง