ยุคที่คำว่า ESG (Environmental, Social, Governance) กลายเป็นคำหลักของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน หลายองค์กรพยายามยกระดับภายในให้โปร่งใส เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และให้คุณค่ากับแรงงาน แต่สิ่งที่ถูกมองข้ามบ่อยครั้งคือ “ผู้ที่องค์กรจ้างให้ทำงานแทน” หรือที่รู้จักกันในนามว่า Outsource เพราะเมื่อพนักงาน Outsource คือคนที่รับหน้าลูกค้า กลายเป็นด่านแรกของแบรนด์ ESG จึงไม่ควรหยุดแค่ในองค์กร แต่ต้องสะท้อนออกไปสู่พันธมิตรทางธุรกิจ
บริษัท สยามราชธานี จำกัด (มหาชน) หรือ SO PEOPLE คือ ตัวอย่างธุรกิจ Outsource ที่ไม่ได้เพียงส่งคนไปทำงาน แต่ส่ง “คุณค่า” ที่ปักธง ESG ไปในทุกบริการ โดยเฉพาะการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่พนักงานขับรถ พนักงานต้อนรับ งานบริการภาคสนาม งานบันทึกข้อมูล จนถึงงานดูแลภูมิทัศน์ ด้วยระบบการจัดการที่ยึดหลัก ESG อย่างชัดเจน
โดยมีจุดเด่นทั้งด้านความยั่งยืน ทักษะบุคลากร และคุณภาพการดูแลลูกค้า ซึ่งสะท้อนผ่านผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็น ประสบการณ์ในธุรกิจนี้มายาวนานถึง 48 ปี ให้บริการกับลูกค้ามากกว่า 1,000 ราย แสดงถึงความน่าเชื่อถือและฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง ลูกค้ากว่า 90% ยังคงใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
สะท้อนความพึงพอใจและคุณภาพบริการ หากพนักงานลาออกหรือไม่สามารถปฏิบัติงานได้ บริษัทสามารถจัดหาพนักงานทดแทนได้ 100% โดยไม่กระทบธุรกิจลูกค้า พนักงานที่ผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทางแล้วมากกว่า 700 คน เพื่อให้พร้อมสำหรับงานจริง
ขณะที่การดำเนินการในเเนวทางความยั่งยืน ดูแลพื้นที่สีเขียวมากกว่า 1,000 แห่ง เช่น สวนสาธารณะ พื้นที่ในองค์กร พื้นที่สาธารณะ เพื่อส่งเสริมสิ่งแวดล้อม ปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 20,000 ต้น ซึ่งช่วยดูดซับคาร์บอนและเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 440 ตัน โดยเป็นการวัดผลที่ผ่านมาตรฐาน
นางสาวกัณธิมา แจ้งวันสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SO PEOPLE เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า องค์กรไม่ได้เพียงแค่จัดหาคนให้ตรงตำแหน่ง แต่ต้องมั่นใจว่าคนเหล่านั้นได้รับการพัฒนา มีศักยภาพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีควบคู่กันไป ยกตัวอย่างเช่น
พนักงานขับรถของ SO PEOPLE ไม่ได้ถูกฝึกแค่เรื่องการขับขี่ปลอดภัยตามมาตรฐาน ISO 39001 เท่านั้น แต่ยังได้รับการอบรมทักษะด้าน service mind การช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น โรคประจำตัว การสำลักอาหาร หรืออุบัติเหตุบนท้องถนน มีหลักสูตรเฉพาะที่อบรมประจำปี เช่น การขับในน้ำท่วม รถตกน้ำ ยางระเบิด ไฟไหม้ ซึ่งพนักงานขับรถทั่วไปแทบไม่ได้รับการเตรียมความพร้อมเช่นนี้
โดยหลักแล้วบริษัทจะเน้นในการขับขี่ปลอดภัย โดยแต่ละปีจะมีหลักสูตรอบรมให้พนักงาน เช่น การขับรถในสถานการณ์ฉุกเฉิน น้ำท่วม ขับขี่ระยะไกล ขับขี่ปลอดภัย หรือว่าแม้ในสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างเช่น รถตกน้ำ รถไฟไหม้ รถยางแตก เสียหลักกะทันหัน สถานการณ์ฉุกเฉินที่เป็นมาตรฐานของ ISO ที่อบรมเพิ่มเติมความรู้ให้กับพนักงานขับรถ
พนักงานต้อนรับ (Receptionist) ก็ได้รับการฝึกฝนทั้งเรื่องการใช้ภาษา การแต่งกาย บุคลิกภาพ การควบคุมอารมณ์ การรับมือกับลูกค้าในสถานการณ์ตึงเครียด และยังรวมถึงทักษะดิจิทัล เช่น การใช้ AI และ Automation ที่เหมาะกับงานแอดมินยุคใหม่ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับระบบของลูกค้าได้ทันที ลดภาระในการเทรนซ้ำ
นอกจากการฝึกอบรมเฉพาะด้าน SO PEOPLE ยังเก็บข้อมูลหลักสูตรแต่ละรุ่นอย่างเป็นระบบ ทำให้สามารถพัฒนาเนื้อหาการสอนให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริงในหน้างาน และขยายผลการเรียนรู้ไปยังไซต์งานอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้แต่บริการ Valet Parking ก็ถูกยกระดับให้เป็น “ด่านแรกของแบรนด์” มีทีมผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์หน้างาน ค้นหาจุดเสี่ยง วางแผนการบริหารจัดการจุดจอดรถในพื้นที่ที่มีการใช้งานสูง และฝึกพนักงานให้เข้าใจฟังก์ชันของรถ EV หรือรถรุ่นใหม่ เพื่อให้ขับได้อย่างปลอดภัยและมืออาชีพ พร้อมให้คำแนะนำแก่ลูกค้าในยามจำเป็น
ในแต่ละปีบริษัทจะมีหลักสูตรอบรมของพนักงานแต่ละรุ่น ซึ่งล่าสุดได้พูดคุยกับตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งต่อไปจะไม่มีการตรวจสอบเอกสารแล้ว เเต่จะดูผลลัพธ์การดำเนินการของบริษัท เป็นสัญญาณว่าบริษัทดำเนินการตอบโจทย์ เพราะว่าหลายองค์กรไม่ได้ทำเรื่องนี้
SO GREEN แรงงานท้องถิ่นเพื่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่โดดเด่นคือ SO GREEN ที่ดูแลพื้นที่สีเขียวกว่า 1,000 ไร่ทั่วประเทศ โดยจ้างแรงงานจากชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่นั้น ๆ พร้อมพัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยี เช่น การเช็กอิน-เช็กเอาต์ผ่านแอปฯ การส่งข้อมูลเรียลไทม์ และการจัดการรายงานให้กับลูกค้าอย่างเป็นระบบ โครงการที่ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้เครื่องมือตัดหญ้าพลังงานไฟฟ้าเพื่อลดเสียงและการปล่อยคาร์บอน โดยลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมได้ตามความเหมาะสม พร้อมรายงานคาร์บอนเครดิตที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในระบบบัญชีคาร์บอนภาครัฐหรือเอกชน
ส่วนใหญ่แล้วก็จะใช้คนในพื้นที่ พูดง่ายๆว่าก็คือการสร้างการเจริญเติบโตเเละโอกาสให้กับท้องถิ่น การที่เข้าไปทำงานร่วมกับเราก็จะมีการพัฒนาสกิล เช่น การใช้เทคโนโลยี เพราะในการทำธุรกิจเรื่องการใช้เทคโนโลยีช่วยบริหารเป็นสิ่งที่จำเป็น รวมไปถึงงานที่ใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบัน SO ปลูกต้นไม้แล้วกว่า 20,000 ต้น ลด CO₂ ได้มากกว่า 440 ตัน และอบรมพนักงานงานสวนไปแล้วกว่า 700 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับคุณภาพชีวิตและทักษะของแรงงานในชุมชนไปพร้อมกัน
ธรรมาภิบาลที่ตรวจสอบได้ ไม่เอาเปรียบ ลดการใช้ทรัพยากร
SO PEOPLE วางระบบธรรมาภิบาลที่สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจ้างงาน การบริหารผลตอบแทน ไปจนถึงการรายงานผลการปฏิบัติงานรายวัน โดยใช้ระบบ Business Process Management (BPM) เป็นเทคโนโลยีแห่งการจัดการกระบวนการของภาคธุรกิจ , OCR แปลงข้อความใบแจ้งหนี้และใบเสร็จเป็นข้อความดิจิทัล และ Automation แทนเอกสารแบบเดิม ลดการใช้ทรัพยากร และเพิ่มความโปร่งใสทั้งต่อพนักงานและลูกค้า
นอกจากนี้ความแตกต่างของบริการ ยังเริ่มจากมุมมองต่อคน โมเดลของ SO PEOPLE ที่ไม่ได้มองพนักงานเป็นแรงงานราคาถูก แต่คือ “มืออาชีพเฉพาะทาง” ที่ยิ่งมีทักษะเฉพาะมาก ยิ่งสามารถเพิ่มค่าเเรงได้ และสร้างความคุ้มค่าให้กับลูกค้า ทั้งยังเป็นแรงขับเคลื่อนให้องค์กรลูกค้าปฏิบัติตามเกณฑ์ ESG ได้ครบถ้วนมากขึ้น
โดยบริษัทมีนโยบายไม่จ้างแรงงานในอัตราค่าจ้างที่ต่ำกว่ามาตรฐาน และยังเพิ่มเติมค่าความเสี่ยง เบี้ยขยัน และระบบให้กำลังใจในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างความภาคภูมิใจและลดอัตราการลาออก ซึ่งสะท้อนถึงความใส่ใจด้านแรงงานในระดับลึก ไม่ใช่แค่ตามกฎหมายขั้นต่ำเท่านั้น
จะบอกพนักงานว่า ถ้าวันนี้อัพเกรดตัวเอง มีทักษะที่หลากหลายขึ้น จะเป็นตัวเลือกแรกๆ ลูกค้าก็จะแฮปปี้ เคยมีคำถามว่าบริษัทให้บริการราคาเเพง เราก็ยอมรับว่าแพง เพราะทักษะที่ให้ลูกค้าไปคือทำงานได้เลย ไม่อย่างนั้นบริษัทก็จะไม่สามารถสร้างความแตกต่างทางธุรกิจได้ ลูกค้าที่เป็นผู้สมัครงานก็อัพค่าจ้างได้ ส่วนลูกค้าที่เป็นผู้จ่ายในฐานะที่เป็นผู้ใช้บริการก็ยินดีจ่าย เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ ตรงกับความคุ้มค่าที่ส่งมอบให้
ตัวอย่างจาก SO PEOPLE กับโมเดล Outsource ที่ตอบโจทย์ ESG และความยั่งยืนขององค์กร กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ Outsource ด้วยแนวคิดว่า ESG ไม่ใช่แค่เรื่องขององค์กร แต่คือคุณค่าที่ต้องส่งต่อไปถึงคนที่ทำงานแทน ตั้งแต่ระบบคิดและวิธีทำงานที่ฝังลึกตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และในวันที่องค์กรต้องแข่งขันทั้งด้านประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น และความโปร่งใส การมีพันธมิตร Outsource ที่เข้าใจ ESG อาจเป็นข้อได้เปรียบในโลกธุรกิจยุคใหม่
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SO PEOPLE ทิ้งท้ายว่า
บทบาทของ SO PEOPLE เป็นผู้สนับสนุนที่ตอบโจทย์นโยบายของลูกค้า ด้วย วิสัยทัศน์ Trusted Partner & Delivering Excellence ณ วันนี้มั่นใจว่าบริษัทเป็นผู้นำทางด้าน Outsource เน้นการบริการที่มี ESG อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง