environment

คลื่นความร้อนถล่มยุโรป ไฟป่าตุรกี-ฝรั่งเศสโหมหนัก ประชาชนอพยพ

ยุโรปเผชิญคลื่นความร้อน ส่งผลให้ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี เยอรมนี โปรตุเกส และเนเธอร์แลนด์ ประกาศเตือนสุขภาพ ขณะที่ไฟป่าในตุรกีและฝรั่งเศสเผาพื้นที่กว่า 400 เฮกตาร์

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (30 มิ.ย.) นักผจญเพลิงในตุรกีและฝรั่งเศสต้องต่อสู้กับไฟป่าที่ลุกลาม ขณะที่มีประชาชนกว่า 50,000 คนถูกอพยพออกจากพื้นที่ หลังคลื่นความร้อนในช่วงต้นฤดูร้อนแผ่ซัดเข้าทั่วยุโรป

ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี โปรตุเกส และเยอรมนี ต่างออกประกาศเตือนด้านสุขภาพ ท่ามกลางอุณหภูมิที่พุ่งสูงผิดปกติ แม้แต่เนเธอร์แลนด์ ซึ่งปกติจะมีภูมิอากาศอบอุ่นกว่าประเทศอื่น ก็ยังต้องประกาศเตือนอุณหภูมิสูงในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า พร้อมกับสภาพความชื้นที่สูง

พื้นที่ส่วนใหญ่ของยุโรปตะวันตกกำลังเผชิญกับความร้อนรุนแรงและสภาพคลื่นความร้อนที่โดยปกติมักเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม ไม่ใช่เดือนมิถุนายน

ซาแมนธา เบอร์เจส ผู้นำฝ่ายยุทธศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศของบริการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโคเปอร์นิคัสของสหภาพยุโรปกล่าว พร้อมระบุว่า อุณหภูมิในบางพื้นที่สูงกว่าค่าปกติของช่วงเวลานี้ถึง 5–10 องศาเซลเซียส

ไฟป่าในตุรกีและฝรั่งเศสเผาผลาญพื้นที่

ในตุรกี ไฟป่าปะทุเป็นวันที่สองติดต่อกันในจังหวัดอิซเมียร์ทางตะวันตก โดยลมแรงเป็นตัวกระพือเปลวไฟให้ลุกลามต่อเนื่อง อิบราฮิม ยูมัคลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงป่าไม้ของตุรกี กล่าวว่า มีประชาชนกว่า 50,000 คนต้องอพยพออกจาก 5 พื้นที่ รวมถึงกว่า 42,000 คนในจังหวัดอิซเมียร์ ตามข้อมูลจากหน่วยจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของตุรกี (AFAD)

ผู้คนตอบสนองต่อเหตุไฟไหม้ป่าในหมู่บ้านใกล้เซเฟริฮิซาร์ ในจังหวัดอิซเมียร์ ประเทศตุรกีวันที่ 30 มิถุนายน 2025 REUTERS

พื้นที่ชายฝั่งของตุรกีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเผชิญไฟป่ารุนแรงบ่อยครั้ง เนื่องจากฤดูร้อนมีแนวโน้มร้อนและแห้งแล้งมากขึ้น ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ระบุว่าเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์

ไฟป่าไหม้ใกล้บริเวณที่อยู่อาศัยในเมือง Seferihisar ในจังหวัดอิซมีร์ ประเทศตุรกีวันที่ 30 มิถุนายน 2568 REUTERS

ที่ฝรั่งเศส ซึ่งคาดว่าอุณหภูมิจะสูงสุดในวันอังคารและพุธ ไฟป่าปะทุขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ในแคว้นออดทางตะวันตกเฉียงใต้ โดยอุณหภูมิแตะ 40 องศาเซลเซียส (104 องศาฟาเรนไฮต์) ไฟเผาผลาญพื้นที่กว่า 400 เฮกตาร์ และทำให้ต้องอพยพแคมป์และอารามแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่ระบุว่าไฟอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว แต่ยังไม่ดับสนิท

หน่วยพยากรณ์อากาศของฝรั่งเศส (Meteo France) ได้ประกาศเตือนคลื่นความร้อนระดับ “สีส้ม” เป็นสถิติสูงสุดถึง 84 จาก 101 จังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่วันจันทร์จนถึงกลางสัปดาห์

ยุโรปตะวันตกเดือดระอุ

ประชาชนทั่วทั้งยุโรปรู้สึกถึงความร้อนระอุ ตั้งแต่นักท่องเที่ยวที่ต่อแถวชมการแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดันที่ลอนดอน ไปจนถึงนักท่องเที่ยวที่โคลอสเซียมในกรุงโรม และเมืองเซบียาในสเปน

“ร้อนกว่าที่เคยชินถึง 20 องศา และตอนนี้ผมก็โดนแดดเผาทั่วตัว” สก็อตต์ เฮนเดอร์สัน แฟนเทนนิสจากสกอตแลนด์ที่เดินทางมาชมวิมเบิลดันกล่าว

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของสเปน (AEMET) ระบุว่า สเปนกำลังเผชิญกับเดือนมิถุนายนที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยรูเบน เดล กัมโป โฆษกของหน่วยงานกล่าวว่า ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า อย่างน้อยจนถึงวันพฤหัสบดี ความร้อนรุนแรงจะยังคงปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของสเปน

ที่เมืองเซบียาทางตอนใต้ของสเปน ซึ่งเป็นสถานที่จัดประชุมของผู้นำโลกภายใต้กรอบสหประชาชาติ อุณหภูมิพุ่งแตะ 42 องศาเซลเซียส

พื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงสุดในประเทศคือเมืองเอล กรานาโด ซึ่งวัดได้ถึง 43.7 องศาเซลเซียส

ในอิตาลี กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศเตือนคลื่นความร้อนระดับสีแดงใน 16 เมือง รวมถึงโรมและมิลาน โดยแคว้นลอมบาร์เดีย ซึ่งเป็นหัวใจอุตสาหกรรมทางเหนือของประเทศ กำลังวางแผนห้ามทำงานกลางแจ้งในช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของวัน ตามคำร้องขอของสหภาพแรงงาน ประธานแคว้นเปิดเผย

ประชาชนถูกขอให้งดใช้น้ำมากเกินไป

ที่เยอรมนีมีประกาศเตือนความร้อนทั่วพื้นที่ตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ในวันจันทร์ โดยอุณหภูมิพุ่งสูงสุดถึง 34 องศาเซลเซียส เจ้าหน้าที่ขอให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด

คลื่นความร้อนส่งผลให้น้ำในแม่น้ำไรน์ลดระดับลง ทำให้การขนส่งทางน้ำติดขัด และต้นทุนขนส่งสินค้าสูงขึ้น ตามข้อมูลจากผู้ค้าโภคภัณฑ์

ราคาค่าไฟพื้นฐาน (baseload power) ของเยอรมนีและฝรั่งเศสสำหรับวันอังคารพุ่งสูงขึ้น หลังความร้อนทำให้ความต้องการพลังงานสำหรับเครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้น

ความร้อนสามารถกระทบสุขภาพได้หลายรูปแบบ โดยผู้เชี่ยวชาญกังวลเป็นพิเศษต่อผู้สูงอายุ เด็กทารก แรงงานกลางแจ้ง และประชาชนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจ

ทั่วโลกคลื่นความร้อนรุนแรงคร่าชีวิตคนได้มากถึง 480,000 คนต่อปี

ซึ่งมากกว่าภัยพิบัติอื่น ๆ อย่างน้ำท่วม แผ่นดินไหว และพายุเฮอริเคนรวมกัน และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโครงสร้างพื้นฐาน ระบบเศรษฐกิจ และระบบสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง สวิส รี (Swiss Re) รายงานเมื่อช่วงต้นเดือนนี้

นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า สาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล โดยเมื่อปีที่แล้ว โลกมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงที่สุดในประวัติศาสตร์