net-zero

เจรจาพลาสติกโลกส่อเดือด มหาอำนาจแตกขั้วก่อนประชุมเจนีวา

ก่อนการเจรจารอบสำคัญเดือนสิงหาคมนี้ที่เจนีวา ประเทศต่าง ๆ ยังคงมีจุดยืนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงต่ออนุสัญญาพลาสติกโลก สหรัฐ จีน และซาอุฯ คัดค้านการจำกัดการผลิต

ขณะที่การเจรจาอนุสัญญาว่าด้วยมลพิษพลาสติกโลกมีกำหนดจะกลับมาดำเนินการอีกครั้งในเดือนสิงหาคมนี้ ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศต่าง ๆ ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเป้าหมายและนโยบายที่จะถูกรวมไว้ในข้อตกลง ฉันทามติที่ไม่เกิดขึ้นในการเจรจาเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ได้เน้นย้ำถึงความแตกแยกอย่างมากระหว่างกลุ่มประเทศที่สนับสนุนมาตรการเข้มงวด และกลุ่มที่ให้การสนับสนุนมาตรการแบบสมัครใจ

อนุสัญญาว่าด้วยมลพิษพลาสติกโลก เป็นข้อตกลงทางกฎหมายระหว่างประเทศภายใต้การนำขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยุติการเกิดมลพิษจากพลาสติก มี 175 ประเทศที่เข้าร่วมการเจรจาในข้อตกลงใหม่นี้ ซึ่งเริ่มต้นในปี 2022 โดยมีผู้มีส่วนได้เสียรายใหญ่รายอื่น ๆ เช่น กลุ่มพันธมิตรของบรรษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ ที่ยังคงมีอิทธิพลอย่างมหาศาล

การประชุมเจรจาระหว่างรัฐบาลครั้งที่ 5 (INC-5) ณ เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเดิมตั้งใจให้เป็นการประชุมรอบสุดท้าย กลับล้มเหลวในหลายด้าน ประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบีย ยังคงระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอนุสัญญาที่เป็นภาระมากเกินไป ขณะที่กลุ่มพันธมิตรที่มีความทะเยอทะยานสูง ซึ่งนำโดยประเทศอย่างออสเตรเลียและนอร์เวย์ ได้ผลักดันให้มีการควบคุมการผลิตพลาสติกทั่วโลกอย่างเข้มงวดมากขึ้น

กลุ่มพันธมิตรหลักในการเจรจาอนุสัญญามลพิษพลาสติกโลก

สหรัฐอเมริกา

สหรัฐฯ สนับสนุนทางเลือกน้อยที่สุดเมื่อพูดถึงเป้าหมายของอนุสัญญาว่าด้วยมลพิษพลาสติก แม้จะมีจุดยืนบางประการที่คล้ายคลึงกับประเทศอย่างจีน รัสเซีย และซาอุดีอาระเบีย แต่สหรัฐฯ ต่างจากประเทศเหล่านั้น โดยได้แสดงเจตจำนงที่จะลดการผลิตพลาสติกใหม่ทั่วโลก

ประเทศยังได้ผลักดันให้มีการกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับการออกแบบและสมรรถนะของผลิตภัณฑ์พลาสติก รวมถึงการรับรองและการติดฉลาก

จุดยืนส่วนใหญ่สะท้อนท่าทีของรัฐบาลไบเดนในปี 2024 แต่เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม สหรัฐฯ ได้วางจุดยืนใหม่ โดยมีท่าทีสงสัยมากขึ้นต่อทั้งนโยบายสิ่งแวดล้อมและความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยโต้แย้งว่านโยบายที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ เป็นข้อจำกัดที่ไม่ยุติธรรมและไม่เหมาะสมต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และไม่สอดคล้องกับลำดับความสำคัญของฝ่ายบริหารชุดใหม่

ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งผู้บริหารที่ย้อนกลับนโยบายของรัฐบาลไบเดน ซึ่งมีเป้าหมายในการยกเลิกการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว เช่น หลอด ช้อนส้อมพลาสติก และบรรจุภัณฑ์ จากบริการอาหารในหน่วยงานรัฐบาลกลางภายในปี 2035 เพื่อจัดการกับภัยคุกคามจากมลพิษพลาสติกที่เพิ่มขึ้น

หลอดกระดาษใช้ไม่ได้เลย ผมเคยใช้หลายครั้ง และบางทีก็แตก 

อุตสาหกรรมพลาสติกของสหรัฐฯ ผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) ปีละ 232 ล้านตัน เท่ากับการปล่อยจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน 116 แห่ง

จีน รัสเซีย อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย

จีน รวมถึงประเทศผู้ผลิตน้ำมันอย่างรัสเซีย อิหร่าน และซาอุดีอาระเบีย ปฏิเสธวิสัยทัศน์สำหรับอนุสัญญานี้ โดยสนับสนุนให้มีข้อตกลงที่เป็นไปได้จริง แม้จะสนับสนุนการจัดการขยะพลาสติกอย่างเหมาะสม แต่ประเทศกำลังพัฒนาเหล่านี้คัดค้านการจำกัดการผลิตพลาสติก

ประเทศผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซหลายแห่งต่อต้านกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎที่อาจจำกัดการผลิตพลาสติกซึ่งมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

จุดยืนเฉพาะของกลุ่มนี้ 

คัดค้านบทบัญญัติด้านการค้าในอนุสัญญาที่ห้ามหรือจำกัดการค้ากับบางประเทศ (เช่น ประเทศที่ไม่ร่วมในอนุสัญญา) เพื่อควบคุมมลพิษพลาสติก

เน้นย้ำสิทธิอธิปไตยของรัฐ ในการใช้ทรัพยากรของตนเอง และเน้นว่าทุกแผนปฏิบัติการของประเทศควรกำหนดขึ้นโดยประเทศเอง

มองว่าเครื่องมือนี้ควรเป็นกลไกความร่วมมือ แทนที่จะเป็นการกำหนดจากบนลงล่างในเรื่องพันธะผูกพันของประเทศในการจัดการมลพิษพลาสติก

สนับสนุนแนวทางจากล่างขึ้นบน (bottom-up) และหลักการความรับผิดชอบร่วมกันแต่แตกต่างกัน ซึ่งตระหนักว่าทุกประเทศมีหน้าที่ร่วมกันในการจัดการสิ่งแวดล้อม แต่ไม่ได้มีความรับผิดชอบเท่ากัน

ต้องการให้เครื่องมือดังกล่าวสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาทั้งในด้านการเงินและการถ่ายทอดเทคโนโลยี

ประเทศเหล่านี้มองว่าการถ่ายทอดเทคโนโลยีควรเป็นแนวทางในการลดลงของมลพิษพลาสติก ไม่ใช่การลดการผลิตพลาสติกโดยตรง หลายประเทศในกลุ่มนี้อยู่ใน 10 อันดับผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก และจึงไม่ต้องการเข้าร่วมอนุสัญญาที่อาจจำกัดการผลิตน้ำมันและพลาสติกในประเทศของตน ซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจของตน

กลุ่มพันธมิตรความทะเยอทะยานสูง (High Ambition Coalition)

เป้าหมายโดยรวมของกลุ่มพันธมิตร ซึ่งรวมถึงสหภาพยุโรป ออสเตรเลีย แคนาดา เกาหลีใต้ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) คือผลักดันให้เกิดอนุสัญญาที่ ซึ่งสามารถยุติมลพิษพลาสติกภายในปี 2040

ต่างจากกลุ่มก่อนหน้า ประเทศเหล่านี้ต้องการพัฒนาพันธกรณีที่มีผลผูกพัน เพื่อจำกัดการบริโภคและการผลิตพลาสติก

กลุ่มนี้ส่งเสริมผลลัพธ์และหลักการ

แนวทางแบบเฝ้าระวังล่วงหน้า (precautionary approach) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้น และเมื่อข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ไม่ชัดเจน ให้ดำเนินการในแนวทางที่เป็นอันตรายน้อยที่สุดต่อสิ่งแวดล้อม

หลักการลำดับขั้นของขยะ (waste hierarchy) ที่ให้ความสำคัญกับการหลีกเลี่ยงการผลิตขยะพลาสติกมากกว่าการจัดการขยะ

การกำจัดพลาสติก วัสดุ และสารเติมแต่งที่เป็นปัญหา โดยให้คำจำกัดความว่า บรรจุภัณฑ์พลาสติก ชิ้นส่วน หรือวัสดุที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ผ่านการกำจัด การใช้ซ้ำ หรือการทดแทน และรายการที่ เป็นอันตรายต่อระบบการรีไซเคิลหรือปุ๋ยหมักเนื่องจากรูปแบบ ส่วนประกอบ หรือขนาด

การพัฒนาเกณฑ์และมาตรฐานด้านความยั่งยืนระดับโลกสำหรับพลาสติก

กลุ่มพันธมิตรนี้เห็นพ้องกับจีนและรัสเซียในเรื่องการให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคและการเงินแก่ประเทศที่พัฒนาน้อยกว่า แต่แตกต่างกันในแง่เป้าหมายสุดท้ายที่ทะเยอทะยานยิ่งกว่า คือการลดการผลิตพลาสติกทั่วโลก

สมาชิกของกลุ่มพันธมิตรนี้ เช่น ออสเตรเลีย ได้ออกกฎหมายห้ามใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแล้ว แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการลดการผลิตและการใช้พลาสติก

อินเดีย

อินเดียสนับสนุนแนวทางที่ให้แต่ละประเทศกำหนดพันธกรณีของตนเอง (nationally determined approach) โดยพิจารณาจากสถานการณ์เฉพาะและขีดความสามารถในการปฏิบัติตามของแต่ละประเทศ เนื่องจากเครื่องมือที่กำลังจัดทำมีผลผูกพันตามกฎหมาย อินเดียจึงเห็นว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่แต่ละประเทศจะต้องเป็นผู้กำหนดพันธกรณีของตนเอง โดยอ้างอิงจากบทบาทที่ประเทศนั้นมีต่อปัญหามลพิษพลาสติกในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งเป็นการอ้างอิงหลักการ “ความรับผิดชอบร่วมกันแต่แตกต่างกัน” อีกครั้ง

อินเดียได้เสนอจุดยืนสำคัญหลายประการ 

คัดค้านการกำหนดเพดานการผลิตผลิตภัณฑ์ สารเคมี หรือโพลิเมอร์หลัก

คัดค้านการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมมลพิษพลาสติกจากการผลิตโพลิเมอร์พลาสติกหลัก

สนับสนุนให้ประเทศพัฒนาแล้วมีพันธกรณีในการจัดสรรทรัพยากรทางการเงินและถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่ประเทศกำลังพัฒนา โดยต้องกำหนดไว้ในข้อผูกพันเชิงสาระที่มีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย กล่าวอีกนัยหนึ่ง อินเดียต้องการให้มีบทบัญญัติที่มีผลผูกพันทางกฎหมายในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและสนับสนุนทางการเงิน แทนที่จะเป็นเพียงแค่ข้อกำหนดในการรายงานหรือข้อผูกพันเชิงกระบวนการอื่น ๆ เท่านั้น

บราซิลและกลุ่มประเทศลาตินอเมริกาและแคริบเบียน (GRULAC)

แม้จะไม่ใช่สมาชิกของกลุ่มพันธมิตรที่มีความทะเยอทะยานสูง แต่บราซิลเคยประกาศว่าสนับสนุนเครื่องมือ ประเทศในอเมริกาใต้แห่งนี้ พร้อมด้วยกลุ่มประเทศลาตินอเมริกาและแคริบเบียน (GRULAC) เปิดกว้างต่อมาตรการจำกัดการผลิต หากมีการดำเนินการในลักษณะที่มีแผนการเลิกใช้อย่างเหมาะสมและมีการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม

กลุ่มนี้สนับสนุนแนวทางแบบบูรณาการ ซึ่งรวมถึงการจัดสรรเงินทุน การพัฒนาศักยภาพ ความช่วยเหลือทางเทคนิค และความร่วมมือด้านเทคโนโลยี

ในการประชุมที่ปูซาน GRULAC ยังเสนอว่าอนุสัญญาควร “ได้รับประโยชน์จากเครือข่ายศูนย์เทคนิค ที่สามารถให้ความร่วมมือทางกฎระเบียบ ทางเทคนิค และทางเทคโนโลยีในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก”

บริษัทขนาดใหญ่ต้องการอะไร

ราว 72% ของบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อ้างว่าพวกเขาต้องการลดขยะพลาสติก แต่คำว่าลด นั้นหมายถึงอะไร มีความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงหรือไม่

มีพันธมิตรองค์กรใหญ่ 2 กลุ่ม ที่มีแนวทางต่ออนุสัญญานี้แตกต่างกันอย่างชัดเจน

สภาสากลแห่งสมาคมอุตสาหกรรมเคมี (ICCA)

ICCA ต้องการลดขยะพลาสติกและผลกระทบของขยะเหล่านั้นในปลายทาง (downstream) โดยไม่ต้องการจำกัดการผลิต กลุ่มนี้คัดค้านบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการจำกัดการค้าในอนุสัญญา ตัวอย่างของบทบัญญัติดังกล่าวคือ มาตรา 4 ของพิธีสารมอนทรีออลว่าด้วยสารที่ทำลายชั้นโอโซน ซึ่งห้ามการค้าสารบางประเภทกับประเทศที่ไม่ได้ลงนามในพิธีสารดังกล่าว โดยหลักการแล้ว การจำกัดการค้าถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันมลพิษไม่ให้เพิ่มขึ้น

สมาชิกของ ICCA ได้แก่ บริษัทปิโตรเคมีรายใหญ่ เช่น ExxonMobil, Dow, Shell, TotalEnergies และ Chevron Phillips

กลุ่มพันธมิตรธุรกิจเพื่ออนุสัญญาว่าด้วยพลาสติกโลก (Business Coalition for a Global Plastics Treaty)

พันธมิตรองค์กรอีกกลุ่มหนึ่งมีจุดยืนที่ก้าวหน้ากว่าเกี่ยวกับอนุสัญญาว่าด้วยมลพิษพลาสติกโลก ซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มพันธมิตรที่มีความทะเยอทะยานสูงมากกว่า

กลุ่มพันธมิตรนี้ประกอบด้วยองค์กรกว่า 250 แห่ง รวมถึงบริษัทขนาดใหญ่ เช่น IKEA, PepsiCo, Walmart และองค์กรอนุรักษ์ World Wildlife Fund (WWF)

กลุ่มนี้มีเป้าหมายสำคัญระดับโลก 3 ประการ

การลดการผลิตและการใช้พลาสติก ผ่านแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) ซึ่งรวมถึงการกำจัดวัสดุ ส่วนประกอบ หรือสารเติมแต่งในพลาสติก ที่สามารถรั่วไหลสู่ธรรมชาติได้ง่าย

การหมุนเวียนวัสดุพลาสติกทั้งหมดที่ไม่สามารถกำจัดได้ โดยคงมูลค่าทางเศรษฐกิจของพลาสติกไว้สูงสุด ซึ่งหมายถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์และระบบให้สามารถนำพลาสติกกลับมาใช้ซ้ำ รีไซเคิล หรือย่อยสลายได้ในทางปฏิบัติและในระดับที่กว้าง

การป้องกันและแก้ไขปัญหาการรั่วไหลของไมโครพลาสติกและแมคโครพลาสติก สู่สิ่งแวดล้อม รวมถึงการป้องกันการปล่อยไมโครพลาสติกจากการสึกหรอ การหลุดของเส้นใย หรือการสูญเสียเม็ดพลาสติก

โลกต้องการอะไรในท้ายที่สุด

การจัดการตลอดวงจรชีวิตของพลาสติก ตั้งแต่การผลิตจนถึงการกำจัด อาจช่วยลดการรั่วไหลของพลาสติกสู่สิ่งแวดล้อมได้มากถึง 96% ภายในปี 2040 ตามรายงานขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD)

ด้วยแนวโน้มที่มลพิษพลาสติกจะเพิ่มขึ้นอีก 70% ระหว่างปี 2020 ถึง 2040 จึงเห็นได้ชัดว่า อนุสัญญาที่จะประสบความสำเร็จต้องเป็นข้อตกลงที่มีความทะเยอทะยาน มีเนื้อหาสาระ และเป็นภาระต่อสถานะเดิมอย่างแท้จริง ในท้ายที่สุด ผลลัพธ์ของการเจรจาครั้งนี้จะส่งผลต่อโลกใบนี้ไปอีกหลายชั่วอายุคน