องค์การยูเนสโก (UNESCO) ประกาศให้ 26 กรกฎาคมของทุกปีเป็น วันอนุรักษ์ป่าชายเลนสากล International Day for the Conservation of the Mangrove Ecosystem ขณะที่รายงานล่าสุดเผยว่า พื้นที่ป่าชายเลนทั่วโลกเหลือเพียง 14.8 ล้านเฮกตาร์ และมากกว่าครึ่งกำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงสูญพันธุ์ ไทยแม้ยังมีป่าชายเลนสมบูรณ์หลายแห่ง แต่ต้องเผชิญแรงกดดันจากการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน และภัยจากน้ำทะเลหนุนที่ทวีความรุนแรงขึ้น
ป่าชายเลนถือเป็นระบบนิเวศชายฝั่งที่มีหลากหลายชื่อเรียก ทั้งในภาษาไทยอย่าง “ป่าโกงกาง” หรือ “ป่าพังกา” และในภาษาอังกฤษ เช่น “Mangrove Forest” หรือ “Intertidal Forest” ซึ่งหมายถึงป่าที่ขึ้นในเขตน้ำขึ้นน้ำลง บริเวณชายฝั่งที่มีดินเลน
ปี 2024 จาก IUCN และ Global Mangrove Alliance รายงานว่า พื้นที่ป่าชายเลนทั่วโลกคงเหลือเพียงราว 14.8 ล้านเฮกตาร์ ในกว่า 120 ประเทศ และมากกว่าครึ่งหนึ่งของระบบนิเวศป่าชายเลนทั่วโลกอยู่ในสถานะ “เสี่ยง” หรือ “เสี่ยงขั้นรุนแรง”
หากไม่มีมาตรการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน อาจมีถึง 25% ของพื้นที่ป่าชายเลนที่สูญหายภายในเวลา 50 ปีข้างหน้า สาเหตุหลักได้แก่ น้ำทะเลหนุนสูง การเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน และการขยายตัวของฟาร์มกุ้ง
นอกจากนั้น การพัฒนาเมือง ท่าเรือ และโครงการอุตสาหกรรม รวมถึงปัญหามลพิษจากของเสีย เป็นปัจจัยที่เร่งให้ป่าชายเลนลดลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
ปี 2563 พื้นที่ป่าชายเลนภายใต้ความรับผิดชอบของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งใน 24 จังหวัดชายฝั่งทะเลมีจำนวน 1.73 ล้านไร่ โดยพบมากที่สุดในชายฝั่งอันดามันตอนล่าง (712,561.22 ไร่) รองลงมาได้แก่ ชายฝั่งอันดามันตอนบน (460,180.47 ไร่) และภาคตะวันออก (222,461 ไร่)
แม้หลายพื้นที่ในไทยยังคงความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน แต่ก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันหลายด้าน เช่น การพัฒนารับการท่องเที่ยวตามแนวชายฝั่ง การแปรสภาพป่าชายเลนเป็นฟาร์มกุ้ง การก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่โดยขาดการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้น้ำเค็มรุกล้ำและส่งผลต่อการทับถมของตะกอนดิน
ประเทศที่มีป่าชายเลนมากที่สุด
ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีพื้นที่ป่าชายเลนมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยังไม่ติด 5 อันดับแรกของโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง