น้ำมัน WTI ปิดพุ่ง 2.49 ดอลลาร์ หวังจีนคลายกฎคุมเข้มโควิดหนุนอุปสงค์

12 พ.ย. 2565 | 00:32 น.

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (11 พ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่จีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ซึ่งจะช่วยหนุนอุปสงค์น้ำมันในประเทศ ผนวกกับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังคาดว่า “เฟด” จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย

 

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 2.49 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 88.96 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังคงลดลง 3.9% ในรอบสัปดาห์นี้

 

ส่วน สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 2.32 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 95.99  ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังคงลดลง 2.6% ในรอบสัปดาห์นี้

 

สัญญาน้ำมันดิบได้แรงหนุนหลังจีนส่งสัญญาณเปิดประเทศ โดยประกาศเมื่อวันศุกร์ (11 พ.ย.) ที่จะผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ด้วยการลดระยะเวลาการกักตัวของผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ รวมทั้งยกเลิกระบบการลงโทษสายการบินในกรณีที่พบผู้โดยสารติดเชื้อโควิด-19 ด้วย

 

ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะเพิ่มความน่าดึงดูดของสัญญา โดยทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่นๆ

 

ดอลลาร์อ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินร่วงลงในวันศุกร์ 1.76% แตะที่ระดับ 106.2950

 

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักสูงถึง 81% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. และให้น้ำหนัก 19% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75%