กูรูชี้ปี 69 ดอกเบี้ยแท้จริงติดลบ เปิดทางเลือกเงินไหลเข้าหุ้นไทย

24 ธ.ค. 2568 | 01:00 น.

โบรกส่องหุ้นไทยกำลังเข้าใกล้จุดเปลี่ยน หลังผลตอบแทนพันธบัตรต่ำ ขณะที่หุ้นหลายตัวให้ yield สูงกว่า มองปี 2569 มีโอกาสเห็นการฟื้นตัว หากการส่งออกไม่แย่เกินคาด

KEY

POINTS

  • ภาวะดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อการลงทุนในตลาดหุ้น โดยในอดีตมักส่งผลให้ตลาดหุ้นเป็นบวก
  • ผลตอบแทนจากหุ้นหลายตัวโดยเฉพาะขนาดกลางและเล็กให้ยีลด์สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลอย่างมีนัยสำคัญ (4-5% เทียบกับ 1.7%)
  • การที่วัฏจักรการลดดอกเบี้ยใกล้สิ้นสุด ทำให้ความน่าสนใจของพันธบัตรลดลง และเปิดทางให้เงินทุนมีโอกาสไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยมากขึ้น

ท่ามกลางความท้าทายที่หลากหลายของประเทศไทยในปี 2568 ทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่มั่นคงภายในประเทศ รวมถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของต่างประเทศ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนลงต่อเนื่อง จนทำให้นักลงทุนหลายรายเริ่มหมดความสนใจ

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มองภาพตลาดหุ้นไทยปี 2569 ยังหลายปัจจัยที่อาจเข้ามาซัพพอร์ตและกดดัน

แม้ว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2568 จะยังมีความไม่แน่นอนของตัวเลขทางเศรษฐกิจของไทย แต่ในช่วงครึ่งแรกปีหน้ายังมองภาพเป็นบวกอยู่ โดยเฉพาะในไตรมาส 1/2569 ที่บรรยากาศการลงทุนค่อนข้างซัพพอร์ตตลาดหุ้นไทย เพียงแต่นักลงทุนอาจต้องหลับตาข้างหนึ่งกับตัวเลขทางเศรษฐกิจ

แม้ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจอาจเป็นเครื่องบ่งชี้ สุขภาพ ทิศทาง และเสถียรภาพ ของเศรษฐกิจประเทศ ทั้งปัจจุบันและอนาคต แต่ต้องยอมรับว่ามีผลต่อสินทรัพย์ไม่ได้มาก อีกทั้ง Downside ตลาดหุ้นไทยในเวลานี้มองว่ามีไม่ได้เยอะ และในทางกลับกันอาจมี Upside ด้วยซ้ำ

โดยสิ่งที่ต้องจับตาที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องของการส่งออกไทยว่าในปี 2569 จะเป็นไปในทิศทางใด เพราะสัดส่วนราว 60% ของ GDP มาจากการส่งออก ถ้าไม่ได้แย่ก็มีโอกาสที่ GDP จะมี Upside ที่มากกว่า 1.5% และสิ่งที่ซ่อนอยู่คือเรื่องของการจ้างงาน

นอกจากนี้ ด้วยอัตราผลตอบแทนดอกเบี้ยแท้จริงติดลบ ยิ่งเอื้อต่อการลงทุนในหุ้นไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งค่าเฉลี่ยในอดีต 3 ใน 4 ครั้งที่อัตราผลตอบแทนดอกเบี้ยแท้จริงติดลบ ตลาดหุ้นไทยเป็นบวก (หากว่าไม่เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจเข้ามากดดันซ้ำเติม)

ขณะเดียวกันตลาดตราสารหนี้ พันธบัตรอายุ 10 ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.7% ในขณะที่หุ้นหลายตัวโดยเฉพาะขนาดกลางและเล็กให้ yield ที่ระดับราว 4-5% ซึ่งดีกว่าเมื่อเทียบกับพันธบัตร และมองว่าขณะนี้เรากำลังเดินหน้าสู่การเข้าใกล้จุดสิ้นสุดของวัฏจักรการลดดอกเบี้ย 

ทำให้จากนี้มีโอกาสที่พันธบัตรอาจลงเหลือแต่ Downside ซึ่งเป็นการเปิดทางให้เงินไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย ดังนั้นแล้ว มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากที่ในปี 2569 มีโอกาสเห็นการปรับตัวที่ดีขึ้นของหุ้นไทย เพราะหุ้นเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในแง่ของผลตอบแทนที่สูงกว่าพันธบัตร

สำหรับธีมการลงทุนในปี 2569 แนะนำ 3 ธีมหลัก ได้แก่
1. หุ้นที่รับอานิสงส์การฟื้นตัวของเศรษฐ  AOT CENTEL TFG
2. หุ้นรับอานิสงส์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ CPALL GLOBAL KBANK KTC
3. หุ้นรับอานิสงส์การย้ายฐานการผลิตของ Data Center ได้แก่ GULF BGRIM WHAUP