sustainable

​สสส. จับมือจุฬาฯ ผลักดัน 'กม.เศรษฐกิจหมุนเวียน' ปั้น GDP สร้างงาน 1.6 แสน

In Brief

  • สสส. ร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่อผลักดันร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน
  • กฎหมายฉบับนี้มีเป้าหมายเพื่อปฏิรูปการจัดการขยะจากแนวคิด "ทิ้ง-เก็บ-กำจัด" ไปสู่ "ลดใช้-ใช้ซ้ำ-หมุนเวียน" เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
  • คาดว่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนจะช่วยเพิ่ม GDP ของประเทศได้อย่างน้อย 1% สร้างงานได้กว่า 160,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการส่งออก

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดประชุมรับฟังความคิดเห็น “การพัฒนาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน พ.ศ. …”

ภายใต้โครงการพัฒนากฎหมายส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนและกฎหมายการจัดการอาหารส่วนเกินและขยะอาหาร เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมสยาม แอท สยาม ดีไซน์ โฮเทล กรุงเทพฯ

​สสส. จับมือจุฬาฯ ผลักดัน 'กม.เศรษฐกิจหมุนเวียน' ปั้น GDP สร้างงาน 1.6 แสน

เพื่อเปิดเวทีให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการพัฒนากฎหมายแม่บทด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศ

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ (สำนัก 2) กล่าวว่า “สสส. เห็นความเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน จึงได้กำหนดให้ “การลดมลพิษจากสิ่งแวดล้อม” เป็นเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์สำคัญ

​สสส. จับมือจุฬาฯ ผลักดัน 'กม.เศรษฐกิจหมุนเวียน' ปั้น GDP สร้างงาน 1.6 แสน

พร้อมสนับสนุนการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การขับเคลื่อน ร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาดเพื่อสุขภาพ (ฉบับประชาชน) การเสนอร่างกฎหมายการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ (PRTR)

​สสส. จับมือจุฬาฯ ผลักดัน 'กม.เศรษฐกิจหมุนเวียน' ปั้น GDP สร้างงาน 1.6 แสน

รวมถึงการสนับสนุน ร่างกฎหมายสภาพภูมิอากาศที่เป็นธรรมและยั่งยืน เพื่อวางรากฐานด้านนโยบายสิ่งแวดล้อมที่เชื่อมโยงกับสุขภาวะของประชาชนในระยะยาว ในส่วนของปัญหาขยะมูลฝอย

“สสส. ให้ความสำคัญไม่แพ้กับประเด็นอื่น เนื่องจากปัญหาขยะมูลฝอยเป็นวิกฤติเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ กฎหมายส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนจึงเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแนวคิด “ทิ้ง–เก็บ–กำจัด” ไปสู่ “ลดใช้-ใช้ซ้ำ–หมุนเวียน” พร้อมสร้างแรงจูงใจให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคร่วมรับผิดชอบต่อทรัพยากรอย่างยั่งยืน

สสส. เชื่อมั่นว่ากฎหมายฉบับนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ ปกป้องสิ่งแวดล้อม และขับเคลื่อนประเทศไปสู่สังคมที่รู้คุณค่าทรัพยากรอย่างแท้จริง เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของคนไทยและโลกใบนี้” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว

​สสส. จับมือจุฬาฯ ผลักดัน 'กม.เศรษฐกิจหมุนเวียน' ปั้น GDP สร้างงาน 1.6 แสน

ดร.สุจิตรา วาสนาดำรงดี นักวิจัยเชี่ยวชาญ สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าโครงการ กล่าวว่า “สถาบันฯ ได้ตระหนักถึงประเด็นปัญหาขยะที่กำลังเป็นวิกฤติสิ่งแวดล้อมที่กระทบสุขภาพของประเทศไทยมาอย่างยาวนานและสะท้อนถึงการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองและไม่ยั่งยืน จำเป็นต้องมีการปฏิรูปในเชิงโครงสร้างและกฎหมายซึ่งทั่วโลกได้นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาเป็นแนวทางในการยกระดับการบริหารจัดการ “ขยะ” สู่การบริหารจัดการ “ทรัพยากร” ที่จะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศด้วยการพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ส่งเสริมการลดของเสีย

การใช้ซ้ำและรีไซเคิล ช่วยลดปัญหามลพิษจากของเสียและนำวัสดุโลหะมีค่าในผลิตภัณฑ์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กลับมาแปรใช้ใหม่ รวมทั้งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ช่วยให้ประเทศบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้ตามเป้าที่กำหนด ทั้งนี้ ธนาคารโลกได้เคยประเมินไว้ว่า หากประเทศไทยมีการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเป็นรูปธรรมจะช่วยเพิ่ม GDP ของประเทศไม่น้อยกว่า 1% และสร้างงานได้มากกว่า 160,000 ตำแหน่ง และช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้ายั่งยืน

​สสส. จับมือจุฬาฯ ผลักดัน 'กม.เศรษฐกิจหมุนเวียน' ปั้น GDP สร้างงาน 1.6 แสน

เพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ผู้ประกอบการส่งออกสามารถรักษาหรือเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในตลาดสหภาพยุโรปที่เริ่มใช้กฏระเบียบด้าน CE (อาทิ ESPR, PPWR) มากำหนดเงื่อนไขการนำเข้าสินค้าแล้ว การผลักดันให้มีกฎหมายเศรษฐกิจหมุนเวียนจึงช่วยให้ประเทศไทยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม (ลดของเสีย เพิ่มแหล่งวัตถุดิบรอบสอง) ควบคู่ไปกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอีกด้วย”