sustainable

เตือนภัยฝุ่น PM2.5 ภาคเหนือ 'ลำพูน-แพร่-ลำปาง' พุ่งสูงสุด

เผยค่าฝุ่น PM2.5 ทั่วประเทศ พบ 14 จังหวัดภาคเหนือเกินมาตรฐาน 'ลำพูน-แพร่-ลำปาง' ติดอันดับวิกฤตสูงสุด ขณะที่ภาคใต้อากาศดี 'สุราษฎร์' ค่าต่ำสุด

สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ทั่วประเทศไทยวันนี้ (19ก.พ.68) ระบบติดตาม PM 2.5 หรือแอปพลิเคชั่นเช็คฝุ่นของ GISDA ณ เวลา 07.00น. พบว่า ภาคเหนือวิกฤตหนัก 14 จังหวัดเกินมาตรฐาน

 

จากรายงานค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ทั่วประเทศไทยล่าสุด พบว่าสถานการณ์มลพิษทางอากาศในพื้นที่ภาคเหนือยังคงน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะ 14 จังหวัดที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน อยู่ในระดับสีส้ม (37.6-58.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) นำโดยจังหวัดลำพูนที่มีค่าฝุ่นสูงสุดถึง 58.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ตามมาด้วยแพร่ 55.6 และลำปาง 51.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ขณะที่พื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนใหญ่อยู่ในระดับสีเหลือง (25.1-37.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) จำนวน 25 จังหวัด และระดับสีเขียว (16.3-24.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) จำนวน 31 จังหวัด โดยกรุงเทพมหานครมีค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ 25.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จัดอยู่ในระดับสีเหลือง

 

ส่วนพื้นที่ที่มีคุณภาพอากาศดีที่สุดอยู่ในภาคใต้ โดยมี 6 จังหวัดที่มีค่าฝุ่นอยู่ในระดับสีฟ้า (12.2-13.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) ได้แก่ ระนอง กระบี่ พัทลุง นครศรีธรรมราช ชุมพร และสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีค่าฝุ่นต่ำที่สุดในประเทศที่ 12.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

การวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์พบว่า พื้นที่ภาคเหนือยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานในวงกว้าง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ จึงควรมีมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาและลดแหล่งกำเนิดฝุ่นในพื้นที่ รวมถึงการรณรงค์ให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยและหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องสัมผัสกับฝุ่นละออง

 

เตือนภัยฝุ่น PM2.5 ภาคเหนือ 'ลำพูน-แพร่-ลำปาง' พุ่งสูงสุด

 

พื้นที่สีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (37.6-58.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) จำนวน 14 จังหวัด

 

  1. ลำพูน (58.9)
  2. แพร่ (55.6)
  3. ลำปาง (51.3)
  4. น่าน (49.7)
  5. พะเยา (45.8)
  6. อุตรดิตถ์ (45.5)
  7. พิษณุโลก (44.9)
  8. เชียงใหม่ (44.3)
  9. เชียงราย (43.4)
  10. สุโขทัย (43.1)
  11. ตาก (42.2)
  12. แม่ฮ่องสอน (40.0)
  13. เลย (39.2)
  14. กำแพงเพชร (37.6)

 

พื้นที่สีเหลือง คุณภาพอากาศปานกลาง (25.1-37.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) จำนวน 25 จังหวัด:

 

  1. พิจิตร (37.0)
  2. เพชรบูรณ์ (36.7)
  3. ขอนแก่น (31.4)
  4. ชัยภูมิ (31.2)
  5. มหาสารคาม (31.0)
  6. หนองบัวลำภู (30.2)
  7. นครสวรรค์ (29.6)
  8. ชัยนาท (29.5)
  9. อุทัยธานี (29.4)
  10. กาฬสินธุ์ (28.4)
  11. ลพบุรี (27.8)
  12. สระบุรี (27.8)
  13. ปทุมธานี (27.7)
  14. ร้อยเอ็ด (27.4)
  15. นครราชสีมา (27.2)
  16. ยโสธร (27.0)
  17. ปราจีนบุรี (26.9)
  18. ตราด (26.6)
  19. อุดรธานี (26.4)
  20. ฉะเชิงเทรา (26.2)
  21. กาญจนบุรี (25.7)
  22. อุบลราชธานี (25.7)
  23. กรุงเทพมหานคร (25.6)
  24. สุรินทร์ (25.4)
  25. พระนครศรีอยุธยา (25.1)

 

พื้นที่สีเขียว คุณภาพอากาศดี (16.3-24.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) จำนวน 31 จังหวัด:

 

  1. บุรีรัมย์ (24.9)
  2. มุกดาหาร (24.6)
  3. หนองคาย (24.5)
  4. ราชบุรี (24.3)
  5. สมุทรปราการ (24.1)
  6. สมุทรสงคราม (23.7)
  7. สิงห์บุรี (23.6)
  8. สระแก้ว (23.6)
  9. นครนายก (23.1)
  10. ชลบุรี (22.7)
  11. อำนาจเจริญ (22.7)
  12. สุพรรณบุรี (22.6)
  13. เพชรบุรี (22.2)
  14. นนทบุรี (22.2)
  15. อ่างทอง (22.1)
  16. สกลนคร (21.8)
  17. ศรีสะเกษ (21.8)
  18. ประจวบคีรีขันธ์ (21.4)
  19. นครปฐม (21.4)
  20. จันทบุรี (20.6)
  21. ระยอง (19.7)
  22. บึงกาฬ (19.7)
  23. นครพนม (19.5)
  24. ปัตตานี (18.7)
  25. ยะลา (18.7)
  26. นราธิวาส (18.7)
  27. ภูเก็ต (18.6)
  28. สตูล (18.4)
  29. สมุทรสาคร (18.4)
  30. ตรัง (18.1)
  31. สงขลา (17.7)
  32. พังงา (16.3)

 

พื้นที่สีฟ้า คุณภาพอากาศดีมาก (12.2-13.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) จำนวน 6 จังหวัด:

 

  1. ระนอง (13.7)
  2. กระบี่ (13.7)
  3. พัทลุง (12.8)
  4. นครศรีธรรมราช (12.6)
  5. ชุมพร (12.5)
  6. สุราษฎร์ธานี (12.2)

 

วิเคราะห์ข้อมูลจาก : ระบบติดตาม PM2.5