ทางรอด SMEs ไทยปี 2569 ไม่ใช่แค่เงินทุน แต่คือ “ข้อมูล–นวัตกรรม–แบรนด์”

23 ธ.ค. 2568 | 22:15 น.

เศรษฐกิจโลกผันผวน SMEs ไทยต้องเปลี่ยนวิธีทำธุรกิจจากสัญชาตญาณสู่การขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ลงทุนในนวัตกรรม และสร้างแบรนด์ให้ชัด บทเรียนจากธุรกิจบริการ อาหาร และค้าปลีก สะท้อนโมเดลการเติบโตใหม่ที่จับต้องได้

KEY

POINTS

  • การอยู่รอดและเติบโตของ SMEs ไทยในปี 2569 ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินทุนเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัย 3 ปัจจัยสำคัญคือ นวัตกรรม, การใช้ข้อมูล และการสร้างแบรนด์
  • การลงทุนด้านนวัตกรรมและวิจัยพัฒนา (R&D) ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะกลุ่มและเติบโตได้อย่างยั่งยืน
  • การใช้ข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นหัวใจในการตัดสินใจทางธุรกิจ เพื่อพัฒนาสินค้าให้ตรงความต้องการของตลาดและลดความเสี่ยง
  • การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือผ่านคุณภาพและความเข้าใจลูกค้า เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว

ปี 2569 ถูกมองว่าเป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญของผู้ประกอบการ SMEs ไทย ท่ามกลางต้นทุนที่ผันผวน การแข่งขันสูง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนเร็ว บทเรียนจากผู้ประกอบการที่ยังเติบโตได้ต่อเนื่องสะท้อนชัดว่า “เงินทุน” ไม่ใช่คำตอบเดียวอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของ นวัตกรรม การใช้ข้อมูล และการสร้างแบรนด์อย่างมีทิศทาง

ตัวอย่างหนึ่งคือ บริษัท วินด์ชิลล์ จำกัด ผู้ให้บริการออกแบบและติดตั้งห้องปลอดเชื้อ ซึ่งดำเนินธุรกิจมากว่า 2 ทศวรรษ นายวรเสน ลีวัฒนกิจ กรรมการผู้จัดการ ระบุว่า บริษัทเลือกลงทุนด้านวิจัยและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยจัดสรรงบ R&D และพัฒนาบุคลากรเฉลี่ยราว 10% ของรายได้ต่อปี นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2540

แนวทางดังกล่าวช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนาโซลูชันห้องปลอดเชื้อที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้า ตั้งแต่กลุ่มโรงพยาบาล อุตสาหกรรมอาหาร ยา ไปจนถึงที่อยู่อาศัย ซึ่งเริ่มให้ความสำคัญกับสุขอนามัยมากขึ้น ส่งผลให้รายได้ของบริษัทเติบโตเฉลี่ย 15-20% ต่อปี แม้อยู่ในช่วงเศรษฐกิจผันผวน

อีกด้านหนึ่ง “ข้อมูล” ถูกยกให้เป็นหัวใจของการตัดสินใจทางธุรกิจ นางสาวมนสวรรณ ศรัณย์เวชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท คุณเก๋ขนมหวาน จำกัด ชี้ว่า การเติบโตของแบรนด์ไม่ได้มาจากการขยายกำลังผลิตเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง และนำข้อมูลมาใช้พัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันคุณเก๋ขนมหวานมีกำลังการผลิตกว่า 120,000 ชิ้นต่อวัน หรือมากกว่า 100 ล้านชิ้นต่อปี สร้างรายได้เฉลี่ยราว 40 ล้านบาทต่อเดือน โดยกว่า 90% มาจากช่องทาง 7-Eleven กลุ่มลูกค้าหลักคือ Gen X และ Gen Y สัดส่วนกว่า 60-70% ขณะเดียวกันบริษัทเริ่มวางแผนรุกตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV ในปี 2569 และเตรียมขยายไปจีนในระยะถัดไป ด้วยการปรับรูปแบบสินค้าให้เหมาะกับตลาดโลก โดยยังคงจุดขายเรื่องรสชาติและไม่ใช้สารกันบูด

ทางรอด SMEs ไทยปี 2569 ไม่ใช่แค่เงินทุน แต่คือ “ข้อมูล–นวัตกรรม–แบรนด์”

แนวคิดการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลยังสอดคล้องกับมุมมองของ นายอัครวัฒน์ ฉันทแดนสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ริชเชส ซัพพลาย จำกัด ผู้จำหน่ายหลอดไฟ LED ภายใต้แบรนด์ “ENRICH” ซึ่งระบุว่า ข้อมูลลูกค้าเป็นฐานสำคัญในการกำหนดสเปกสินค้าและลดความเสี่ยงในการทำตลาด

บริษัทเริ่มต้นจากการขายสินค้าให้แบรนด์อื่นผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้มีฐานข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคจำนวนมาก ทั้งด้านดีไซน์ สี และฟังก์ชันสินค้า ข้อมูลเหล่านี้ถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อตอบโจทย์ตลาดและหาช่องว่างจากคู่แข่ง ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างรายได้รวมมากกว่า 300 ล้านบาทต่อปี และรักษาอัตรากำไรได้ต่อเนื่อง ในขณะที่ SMEs จำนวนไม่น้อยเผชิญภาวะขาดทุน

สำหรับปี 2569 บริษัทเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาด mai เพื่อระดมทุนลงทุนคลังสินค้าขนาด 4,000 ตารางเมตร ที่ศาลายา รองรับการขยายธุรกิจและลดความเสี่ยงด้านโลจิสติกส์

ขณะที่อีกมิติหนึ่งของการอยู่รอดในยุคการแข่งขันสูง คือ “การสร้างแบรนด์” นางกัญญฉัชฌ์ เลิศธนไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมซัน รอเยล จำกัด ผู้ก่อตั้งแบรนด์สกินแคร์ “Her Hyness” ระบุว่า การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับต้องอาศัยความสม่ำเสมอ คุณภาพสินค้า และความเข้าใจผู้บริโภคอย่างแท้จริง

Her Hyness เริ่มต้นจากการเจาะกลุ่มผู้มีผิวแพ้ง่าย ใช้การบอกต่อเป็นหลัก ก่อนขยายช่องทางสู่ค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซในปี 2020 การปรับกลยุทธ์ด้านดิจิทัลและการลงทุนด้านแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้ในปี 2024 ทะลุ 1,000 ล้านบาท และคาดว่าปี 2025 จะเพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายตลาดส่งออกในอาเซียน

บทเรียนจากผู้ประกอบการเหล่านี้สะท้อนภาพเดียวกันว่า SMEs ไทยในปี 2569 หากต้องการเติบโตท่ามกลางโลกที่ไม่แน่นอน จำเป็นต้องปรับวิธีคิดจากการทำธุรกิจด้วย “ประสบการณ์และความรู้สึก” ไปสู่การขับเคลื่อนด้วย นวัตกรรม ข้อมูล และกลยุทธ์แบรนด์ที่ชัดเจน เพื่อสร้างความได้เปรียบและการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว