วิกฤตความเชื่อมั่นตลาดรับสร้างบ้าน กับรากปัญหาสงครามราคา

25 ธ.ค. 2568 | 10:05 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ธ.ค. 2568 | 10:05 น.

สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (THBA) ชี้ตลาดรับสร้างบ้านไทยกำลังเผชิญ “วิกฤตศรัทธา” หลังกรณีผู้บริโภครวมตัวฟ้องคดีทิ้งงานสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างจากสงครามราคา โมเดลธุรกิจบิดเบือน และการแข่งขันที่ไม่ยั่งยืน

KEY

POINTS

  • ตลาดรับสร้างบ้านกำลังเผชิญวิกฤตความเชื่อมั่นครั้งใหญ่ หลังผู้รับเหมาทิ้งงานกระทบผู้บริโภคจำนวนมาก
  • สมาคมไทยรับสร้างบ้านชี้ว่ารากปัญหาเกิดจาก "สงครามราคา" ที่รุนแรง ทำให้ผู้ประกอบการเสนอราคาต่ำกว่าต้นทุนจริงจนไม่สามารถดำเนินโครงการต่อได้
  • วิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค ทำให้หลายคนชะลอแผนการสร้างบ้าน

ตลาดธุรกิจรับสร้างบ้านกำลังเผชิญแรงสั่นสะเทือนครั้งสำคัญ จากกรณีผู้บริโภคกว่า 160 รายรวมตัวร้องทุกข์และดำเนินคดีกับบริษัทรับสร้างบ้านรายใหญ่จากปัญหาทิ้งงานและก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ซึ่งไม่เพียงสร้างความเสียหายเป็นรายกรณี แต่กำลังลุกลามเป็น “วิกฤตศรัทธา” ต่ออุตสาหกรรมรับสร้างบ้านในภาพรวม

สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association : THBA) ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างของตลาดที่สะสมมานาน โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงเกินสมดุล จนทำให้ต้นทุนจริงไม่สอดคล้องกับราคาที่เสนอขาย และนำไปสู่ความเสี่ยงในการดำเนินโครงการในระยะยาว

THBA วิเคราะห์ว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดรับสร้างบ้านเผชิญการแข่งขันจากทั้งผู้ประกอบการรายใหม่ ผู้รับเหมารายย่อย ไปจนถึงดีเวลอปเปอร์ที่กระโดดลงมาแย่งส่วนแบ่งตลาด ส่งผลให้หลายบริษัทใช้ “ราคา” เป็นเครื่องมือหลักในการดึงลูกค้า โดยไม่ได้สะท้อนต้นทุนจริงของการก่อสร้าง วัสดุ ค่าแรง และการบริหารโครงการอย่างครบถ้วน

รูปแบบการแข่งขันดังกล่าวอาจสร้างภาพลวงตาว่าผู้บริโภคได้ประโยชน์จากราคาที่ถูกลง แต่ในความเป็นจริงกลับเพิ่มความเสี่ยงต่อการทิ้งงาน การลดสเปกวัสดุ หรือการขาดสภาพคล่องของผู้ประกอบการ ซึ่งสุดท้ายภาระทั้งหมดตกอยู่กับผู้บริโภค

วิกฤตความเชื่อมั่นกระทบการตัดสินใจ

THBA ระบุว่า ผลกระทบที่น่ากังวลไม่ใช่เพียงมูลค่าความเสียหายของคดี แต่คือการสั่นคลอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งระบบ โดยผู้ที่กำลังวางแผนสร้างบ้านจำนวนไม่น้อยเริ่มชะลอการตัดสินใจ หรือหลีกเลี่ยงการว่าจ้างบริษัทรับสร้างบ้าน เนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัยของเงินลงทุน

สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งซ้ำเติมตลาดรับสร้างบ้านที่อยู่ภายใต้แรงกดดันจากเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อเปราะบาง ต้นทุนวัสดุก่อสร้างและค่าแรงที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้การฟื้นตัวของตลาดยิ่งยากขึ้น

 

ชี้ทางออก ยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม

สมาคมไทยรับสร้างบ้านมองว่า การแก้ปัญหาในระยะยาวจำเป็นต้องเริ่มจากการปรับโครงสร้างการแข่งขันของตลาด โดยผลักดันให้ผู้บริโภคพิจารณาผู้รับสร้างบ้านจาก “มาตรฐาน ความน่าเชื่อถือ และความสามารถในการบริหารโครงการ” มากกว่าการตัดสินใจจากราคาต่ำสุดเพียงอย่างเดียว

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับโมเดลธุรกิจให้สอดคล้องกับต้นทุนจริง มีระบบบริหารความเสี่ยงทางการเงินที่รัดกุม และสื่อสารกับลูกค้าอย่างโปร่งใส เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระยะยาว

THBA ย้ำว่า วิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้นถือเป็นสัญญาณเตือนครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมรับสร้างบ้านไทย หากไม่เร่งยกระดับมาตรฐานและปรับทิศทางการแข่งขัน ตลาดอาจเผชิญความเสียหายที่ลึกและยาวกว่าที่ประเมินไว้ และส่งผลต่อผู้บริโภคในวงกว้างมากขึ้นในอนาคต