ห้องชุดตากอากาศ-วิลล่า บูม ดันราคาที่ดินภูเก็ตพุ่งไม่หยุด

11 พ.ย. 2568 | 23:23 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ย. 2568 | 23:47 น.

ห้องชุดตากอากาศ-วิลล่า บูม ดันราคาที่ดินภูเก็ตพุ่งไม่หยุด AREA ประเมินตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตยังเติบโต

KEY

POINTS

  • ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตเติบโตจากความต้องการห้องชุดตากอากาศและวิลล่าซึ่งเป็นสินค้าที่ขายดีและรวดเร็วที่สุด
  • ราคาที่ดินในภูเก็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2547 เฉลี่ย 7.47 เท่า โดยหาดราไวย์มีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 14 เท่า
  • หาดป่าตองเป็นทำเลที่มีราคาที่ดินตามตลาดสูงสุดถึงไร่ละ 350 ล้านบาท ตามมาด้วยหาดบางเทา หาดสุรินทร์ และหาดกะรน

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตยังเติบโต เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่กับกรุงเทพมหานครหรือเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศโดยตรง แต่ขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ มาตรวจสอบสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์และดูการเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA)

พบว่าในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมาอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตขายได้ประมาณ 10,000 หน่วยรวมมูลค่า 90,000 ล้านบาท หรือขายเฉลี่ยหน่วยละ 9 ล้านบาท และโดยมากขายในเขตอำเภอถลาง และสินค้าที่ขายได้เร็วมากเป็นห้องชุดตากอากาศและวิลล่า ส่วนที่อยู่อาศัยของคนไทยเองกลับขายได้ช้ากว่า

สำหรับราคาที่ดินในภูเก็ต นับตั้งแต่ปี 2547 จนถึง ปัจจุบันราคาที่ดินเพิ่มเฉลี่ย 7.47 เท่า หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 10.7% ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับราคาที่ดินในบริเวณอื่นของประเทศไทย ที่ราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดคือหาดราไวโดยเพิ่มขึ้นถึง 14 เท่ารองลงมาคือหาดบางเทาเพิ่มขึ้น 10.67 เท่าและหากไม้ขาวเพิ่มขึ้น9เท่า ส่วนที่เพิ่มขึ้นช้าได้แก่หาดสะปำ หาดกะรน และเกาะสิเหร่

ขณะราคาที่ดินตามราคาตลาดสูงสุดอยู่ที่หาดป่าตองโดยศูนย์ข้อมูลประเมินไว้ที่ 350 ล้านบาทต่อไร่หรือ 875,000 บาทต่อตารางวา รองลงมาได้แก่บริเวณหาดบางเทา หาดสุรินทร์และหาดกะรน ซึ่งประเมินไว้ในราคา 80 ล้านบาทต่อไร่หรือตารางวาละ 200,000 บาท ทั้งนี้ราคาที่ดินตามราคาตลาดสูงกว่าราคาประเมินของทางราชการเป็นอย่างมาก สิ่งที่น่าแปลกใจประการหนึ่งในประเทศไทยก็คือราคาประเมินราชการตํ่ากว่าราคาตลาดเป็นอย่างมาก ทำให้เกิดผลเสียหลายประการ โดยดูได้จากตัวอย่างในจังหวัดภูเก็ต

1. หาดไม้ขาว ซึ่งเป็นหาดแรกๆ ด้านเหนือสุดของเกาะภูเก็ต มีราคาที่ดินตามราคาตลาดอยู่ที่ไร่ละ 45.00 ล้านบาท แต่ราคาประเมินราชการเป็นเงินเพียงไร่ละ 6.80 ล้านบาทหรือเท่ากับ 15% ของราคาตลาดเท่านั้น

 2. หาดบางเทา ซึ่งเป็นหนึ่งในหาดยอดนิยมและราคาปรับตัวเร็วมาก ก็พบว่าราคาตลาดอยู่ที่ไร่ละ 80.00 ล้านบาท แต่ราคาประเมินราชการเป็นเงินแค่ไร่ละ 15.60 ล้านบาทหรือเท่ากับ 20% ของราคาตลาดซึ่งนับว่าค่อนข้างตํ่า

 3. หาดกมลา อันเป็นหาดที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน ก็พบว่า ราคาที่ดินตามราคาตลาดอยู่ที่ไร่ละ 70.00 ล้านบาท แต่ราคาประเมินราชการอยู่ที่เพียง 10.00 ล้านบาทหรือเท่ากับ 14% ของราคาตลาดเท่านั้นซึ่งถือว่าตํ่าเป็นอันดับที่สามรองจากอ่าวปอ

 4. หาดป่าตอง ซึ่งเป็นหาดที่มีราคาที่ดินสูงสุดถึงไร่ละ 350.00 ล้านบาท แต่ราคาประเมินราชการก็เป็นเงินเพียงไร่ละ 70.00 ล้านบาทหรือเท่ากับ 20% ของราคาตลาดซึ่งนับว่าค่อนข้างตํ่า

 5.  หาดกะรน อันเป็นหาดยอดนิยมเช่นกัน มีราคาประเมินตามราคาตลาดอยู่ที่ไร่ละ 70.00 ล้านบาท แต่ราคาประเมินราชการอยู่ที่ไร่ละ 12.00 ล้านบาทหรือเท่ากับ 17% ของราคาตลาดเท่านั้น

 6. หาดราไวย์ อันเป็นหาดยอดนิยมเช่นกัน มีราคาประเมินตามราคาตลาดอยู่ที่ไร่ละ 70.00 ล้านบาท แต่ราคาประเมินราชการก็อยู่ที่ไร่ละ 11.40 ล้านบาท ซึ่งก็ใกล้เคียงกับที่หาดกะรน หรือมีราคาประเมินราชการเป็นเพียง 16% ของราคาตลาด

 7. อ่าวฉลอง ซึ่งเป็นบริเวณที่ราคาย่อมเยาเนื่องจากอยู่ฝั่งตะวันออก มีราคาไร่ละ 45.00 ล้านบาท แต่ราคาประเมินราชการเป็นเพียงไร่ละ 4.60 ล้านบาท นับเป็นสัดส่วนเพียง 10% ของราคาตลาด ซึ่งนับว่าตํ่าที่สุด

 8. แหลมพันวา โดยเป็นบริเวณที่มีแหลมพันวาตั้งอยู่ มีราคาที่ดินไร่ละ 50.00 ล้านบาท แต่ราคาประเมินราชการอยู่ที่ไร่ละ 10.00 ล้านบาทเท่านั้น หรือเท่ากับ 20% ของราคาตลาด (บริเวณนี้ไม่ค่อยมีข้อมูลของทางราชการ)

 9. อ่าวปอ ซึ่งเป็นบริเวณที่ดินราคาย่อมเยา มีราคาที่ดินไร่ละ 20.00 ล้านบาท แต่ราคาประเมินราชการอยู่ที่ 2.18 ล้านบาท 11% ของราคาตลาด ซึ่งถือว่าตํ่าเป็นอันดับที่สองรองจากอ่าวฉลอง

 10. อ่าวมะพร้าว โดยเป็นบริเวณที่วิวไม่สวยมากนัก ราคาที่ดินจึงยังถูกอยู่ที่ไร่ละ 15.00 ล้านบาท แต่ราคาตลาดอยู่ที่ไร่ละ 4.20 ล้านบาท หรือเป็นสัดส่วนเพียง 28% ของราคาตลาดเท่านั้น

 

 

หน้า20  หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,148 วันที่ 13 - 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568