การ์เด้น แอทลาสทุ่ม 2,000 ล้านดันภูเก็ตขึ้นแท่นฮับ Maritime Luxury Living

11 พ.ย. 2568 | 22:11 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ย. 2568 | 23:35 น.

การ์เด้น แอทลาสทุ่มเงิน 2,000 ล้านบาท ยกระดับภูเก็ตขึ้นแท่นฮับ Maritime Luxury Living ชี้เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง

KEY

POINTS

  • การ์เด้น แอทลาส ทุ่มงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อผลักดันภูเก็ตสู่การเป็นศูนย์กลางการอยู่อาศัยสุดหรูริมทะเล (Maritime Luxury Living)
  • เปิดตัวโครงการวิลล่าสุดหรู “GARDEN ATLAS BAYVIEW” บนทำเลอ่าวมะขาม แหลมพันวา จำนวน 15 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 150 ล้านบาทต่อหลัง
  • ชูศักยภาพทำเลแหลมพันวาเทียบชั้น "โมนาโก" เมืองชายฝั่งหรูระดับโลก เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าระดับบนและนักลงทุนจากทั่วโลก

นายต่อศักดิ์ ใจชื่น ซีอีโอ บริษัท การ์เด้น แอทลาส เบย์วิว วิลล่า จำกัด ผู้พัฒนาโครงการพักอาศัยระดับ Ultra Luxury เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการทุ่มเงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับภูเก็ตสู่ศูนย์กลาง Maritime Luxury Living

โดยมองว่าจังหวัดภูเก็ตยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดทำโครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต ระยะที่ 2 โครงการทางพิเศษกะทู้–ป่าตอง การพัฒนาเส้นทางรถไฟฟ้ารางเบา (MRTA) 42 กม. อยู่ในแผนแม่บทของการรถไฟฟ้าฯ เพื่อเชื่อมสนามบิน–เมือง–ฉลอง ลดภาระถนนสายหลัก 

โครงการท่าอากาศยานน้ำ หรือ Seaplane Terminal ล่าสุด มีแผนการเปิดเทอร์มินัลใหม่ของท่าเรือน้ำลึกอ่าวมะขาม (Cruise Terminal) เพื่อรองรับเรือสำราญลำใหญ่ เทียบท่าได้โดยไม่ต้อง tender ช่วยยกระดับภูเก็ตเป็น gateway port ของอันดามันและอาเซียน ทำให้การเดินทางมายังจังหวัดภูเก็ตมีทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ

อีกทั้งปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นระบบคมนาคมทั้งทางอากาศ ถนนและทางน้ำ การมีโรงพยาบาลมาตรฐาน JCI เวลเนสเซ็นเตอร์ โรงเรียนนานาชาติ 16 แห่ง สนามกอล์ฟมาตรฐานทัวร์นาเมนต์ ร้านอาหารระดับมิชิลินสตาร์ ซึ่งเป็นจังหวัดที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของกลุ่ม Ultra Rich แต่จ่ายเงินที่คุ้มค่ากว่าการอยู่อาศัยในเมืองที่เป็น Maritime หรือไลฟ์สไตล์ในวัฒนธรรมเมืองแห่งสายน้ำอื่นมี 3 แห่งในโลกที่เป็นตัวอย่างในการพัฒนา คือ 1. โมนาโก 2. ฮ่องกง และ 3. สิงคโปร์

การ์เด้น แอทลาสทุ่ม 2,000 ล้านดันภูเก็ตขึ้นแท่นฮับ Maritime Luxury Living

นายต่อศักดิ์ กล่าวต่ออีกว่า จากโอกาสดังกล่าวบริษัทจึงได้พัฒนาโครงการ GARDEN ATLAS BAYVIEW ซึ่งเป็ยบ้านพักอาศัยระดับ Ultra Luxury บนทำเลอ่าวมะขาม แหลมพันวา จังหวัดภูเก็ต บนพื้นที่ 16 ไร่ จำนวน 15 ยูนิต ราคาเฉลี่ยหลังละ 150 ล้านบาท

“โครงการดังกล่าวพัฒนาภายใต้แนวคิด Timeless แบบร่วมสมัย ด้วยวิลล่าสไตล์ Modern Bali Contemporary เน้นการพักอาศัยระยะสั้น ระยะยาวหรือช่วงวันพิเศษ และใช้เทคโนโลยี Home Automation อำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัย”

การที่บริษัทเลือกพัฒนาโครงการดังกล่าวในทำเลอ่าวมะขาม แหลมพันวา เพราะเป็นทำเลศักยภาพทั้งในปัจจุบันและอนาคต บริเวณดังกล่าวมีความเหมือนกับเมืองชายฝั่งสำคัญของโลกอย่างโมนาโกที่มีพื้นที่เพียง 2.02 ตารางกิโลเมตร เล็กที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส และมีพื้นที่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่หรูหราและมั่งคั่ง จึงเป็นที่รู้จักในฐานะเมืองมหาเศรษฐีที่มีชีวิตความเป็นอยู่หรูหรา ทำให้คาดว่าไม่เกิน 10 ปีอ่าวมะขาม แหลมพันวาจะได้รับความนิยมเช่นเดียวกับโมนาโก เพราะปัจจุบันโมนาโกมีข้อจำกัดไม่สามารถพัฒนาโครงการใหม่ได้และราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงมากขึ้น ราคาคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 52,000-130,000 ยูโรต่อตารางเมตร

หากเปรียบด้านราคาอสังหาฯ บนพื้นที่อ่าวมะขาม แหลมพันวา ถือว่าแพงกว่าหลายเท่าตัว ซึ่งปัจจุบันราคาอสังหาฯ ในพื้นที่อ่าวมะขาม แหลมพันวา ยังเป็นราคาที่จับต้องได้และเป็นราคาที่คุ้มค่า แต่มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามศักยภาพของพื้นที่ที่จะถูกพัฒนาให้เจริญมากขึ้น

นางสาวประกายเพชร มีชูสาร หัวหน้าแผนกซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดที่พักอาศัยตากอากาศประเภทวิลล่ามีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าปี 2567 มียอดขายเพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อนหน้า ซึ่งต้องถือว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา

หากพิจารณาโครงการระดับลักซ์ชัวรี่ที่มีมูลค่ามากกว่าหลังละ 90 ล้านขึ้นไป ความต้องการในตลาดมีเพียง 6.89% ซึ่งมียอดขายแล้วกว่า 76% โดยทำเลที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดคือทำเลชายฝั่งตะวันออก (ทิศใต้) สามารถทำยอดขายได้สูงที่สุดถึง 92.8% เหตุผลที่ทำเลดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมากสำหรับตลาดลักซ์ชัวรี่นี้คือ ทัศนียภาพที่งดงามของวิวทะเล ที่มีเกาะต่างๆ อีกทั้งยังเห็นเรือสำราญจอดเทียบท่า จึงทำให้ภาพทิวทัศน์เปลี่ยนไปทุกวัน ทำให้เป็นทำเลศักยภาพ ที่สามารถดึงดูดนักลงทุนและผู้ซื้อระดับบนจากทั่วโลกที่

“จากพฤติกรรมลูกค้าที่ซื้อที่พักอาศัยตากอากาศประเภทวิลล่า มีจุดประสงค์ในการซื้อเพื่อการลงทุน 68% และเพื่ออยู่อาศัยเอง 31% แบ่งเป็นสัดส่วนลูกค้าชาวไทย 57% และชาวต่างชาติ 43% ซึ่งลูกค้าชาวต่างชาติส่วนใหญ่มาจากโซนยุโรป อเมริกาและโซนเอเชีย ได้แก่ อังกฤษ ฮ่องกงและอเมริกา”