คอนโดฯ เมืองกรุงใน 20 ปี จากยุครุ่งเรืองสู่การปรับสมดุล

21 ต.ค. 2568 | 23:36 น.

20 ปีแห่งการเติบโตของตลาดคอนโดมิเนียมกรุงเทพฯ คือภาพสะท้อนของเมืองใหญ่ที่เปลี่ยนผ่านจากยุคเก็งกำไรสู่ยุคคุณภาพชีวิต

ตลอดระยะเวลากว่าสองทศวรรษที่ผ่านมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2549 จนถึง 2568 ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครไม่เพียงแต่สะท้อนภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของเมืองใหญ่ แต่ยังเป็นกระจกเงาที่ฉายให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคม คนเมือง และโครงสร้างเศรษฐกิจไทยโดยรวม จากตลาดที่เคยขับเคลื่อนด้วยแรงซื้อเพื่อเก็งกำไรและการลงทุน กลับค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่ยุคที่ให้คุณค่ากับ “คุณภาพชีวิต” และ “ความยั่งยืน” ของการอยู่อาศัย

หากย้อนกลับไปช่วงต้นทศวรรษในปี  2550 ตลาดคอนโดมิเนียมไทยยังถือเป็นตลาดเกิดใหม่ ความต้องการซื้อส่วนใหญ่ขับเคลื่อนโดยกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูงในเขตศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) โดยเฉพาะทำเลสุขุมวิท สีลม และสาทร การเปิดใช้เส้นทางรถไฟฟ้า BTS และ MRT กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้คอนโดฯ แนวรางรถไฟฟ้า เติบโตอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนโฉมพฤติกรรมการอยู่อาศัยของคนเมือง

คอนโดฯ เมืองกรุงใน 20 ปี จากยุครุ่งเรืองสู่การปรับสมดุล

ช่วงปีพ.ศ. 2559-2561 คือยุคทองของตลาดคอนโดฯ กรุงเทพฯ ที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่สูงถึง 162,720 ยูนิต สะท้อนความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์เมืองหลวงอย่างแท้จริง ผู้พัฒนาเร่งเปิดโครงการในทำเลแนวรถไฟฟ้าชานเมืองเพื่อตอบรับดีมานด์ที่ขยายตัว ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีนและฮ่องกง แห่เข้ามาซื้อเพื่อเก็งกำไร ส่งผลให้ตลาดเติบโตอย่างก้าวกระโดด

แต่หลังความรุ่งเรืองก็มาพร้อมแรงสั่นสะเทือนจากปัจจัยภายนอกหลายระลอก ตั้งแต่วิกฤตสินเชื่อซับไพรม์หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ปี 2551 ที่ทำให้ตลาดต้องชะลอชั่วคราว เหตุการณ์การเมืองปี 2553 นํ้าท่วมใหญ่ 2554 มาตรการสินเชื่อ (LTV) ปี 2562 และการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563-2564 ซึ่งล้วนเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่กดดันให้ตลาดคอนโดมิเนียมต้องปรับฐานครั้งใหญ่

ข้อมูลของคอลลิเออร์สระบุว่า ในจำนวนคอนโดทั้งหมดกว่า 667,000 ยูนิตนั้น มากถึง 73.5% เป็นผลงานของผู้พัฒนาในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งสะท้อนแนวโน้มการรวมศูนย์ของตลาด (Market Consolidation) อย่างชัดเจน หลังผู้พัฒนารายย่อยจำนวนมากไม่สามารถรับมือกับต้นทุนการพัฒนาและการเข้าถึงแหล่งทุนในช่วงวิกฤตได้ ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ยังคงเดินหน้าได้ด้วยความแข็งแกร่งทางการเงินและแบรนด์

คอนโดฯ เมืองกรุงใน 20 ปี จากยุครุ่งเรืองสู่การปรับสมดุล

โครงสร้างตลาดจึงเปลี่ยนจากการแข่งขันด้านปริมาณ สู่การแข่งขันด้าน “คุณภาพและความแตกต่าง” ผู้ประกอบการหันมาเน้นการพัฒนาโครงการระดับมิดเอนด์ขึ้นไป และเพิ่มฟังก์ชันเทคโนโลยีอัจฉริยะ (Smart Living) การออกแบบเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Design) และระบบบริหารจัดการแบบมืออาชีพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่

ตลาดคอนโดมิเนียมกรุงเทพฯ ในช่วงหลังโควิด-19 เผยให้เห็นพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จากเดิมที่เน้นการซื้อเพื่อปล่อยเช่า กลายเป็นการมองหาพื้นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ชีวิตจริง ทั้งด้านฟังก์ชัน ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้โครงการระดับพรีเมียมที่มีราคาขายตั้งแต่ 150,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป ยังคงได้รับความสนใจต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดระดับกลางไปจนถึงล่างเผชิญแรงกดดันจากภาวะหนี้ครัวเรือนและความเข้มงวดด้านสินเชื่อของธนาคาร

คอลลิเออร์สระบุว่า มากกว่า 66% ของคอนโดที่เปิดขายใหม่ในรอบ 20 ปีอยู่ในกลุ่มราคาไม่เกิน 100,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนตลาดลักชัวรีและอัลตร้าลักชัวรีมีสัดส่วนรวมเพียง 8% ของตลาดทั้งหมด แต่กลับมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในย่านใจกลางเมือง เช่น สุขุมวิท สาทร สีลม และรัชดาภิเษกตอนต้น ซึ่งราคาบางโครงการพุ่งแตะ 1 ล้านบาทต่อตารางเมตร

อีกหนึ่งปรากฏการณ์สำคัญคือการ “กระจายศูนย์กลางเมือง” (Polycentric City) คอลลิเออร์สชี้ว่า มากกว่าครึ่งของอุปทานทั้งหมด หรือกว่า 334,000 ยูนิต อยู่ในเขตกรุงเทพฯ ชั้นนอก (Suburban Bangkok) ขณะที่ใจกลางเมืองมีเพียง 10% ของตลาดทั้งหมด ซึ่งสะท้อนการขยายตัวของเมืองตามแนวระบบรางอย่างชัดเจน

พื้นที่ที่เติบโตเด่นชัด ได้แก่ บางนา-ศรีนครินทร์, รัชโยธิน-รามอินทรา, พระราม 9-รามคำแหง, และ รังสิต ที่กลายเป็นศูนย์กลางที่อยู่อาศัยใหม่ของคนทำงานในเมือง การพัฒนาในแนวรางไม่เพียงช่วยลดความหนาแน่นในเขต CBD แต่ยังเปิดโอกาสให้ตลาดระดับกลางสามารถเข้าถึงการอยู่อาศัยในเมืองได้มากขึ้น

คอนโดฯ เมืองกรุงใน 20 ปี จากยุครุ่งเรืองสู่การปรับสมดุล

คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ประเมินว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ กำลังเปลี่ยนจาก “การแข่งขันเชิงปริมาณ” มาสู่ “การแข่งขันเชิงคุณภาพ” อย่างแท้จริง โครงการในอนาคตจะเน้นนวัตกรรม Smart Living ระบบจัดการพลังงานประหยัดพลังงาน การออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม และบริการหลังการขายแบบมืออาชีพ (Hospitality Manage ment)

ขณะเดียวกัน เมืองกรุงเทพฯ จะก้าวสู่ยุคของ “มหานครหลายศูนย์กลาง” ที่แต่ละย่านมีเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น บางนา-ศรีนครินทร์ จะกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจฝั่งตะวันออก รัชโยธิน-เกษตร-รามอินทรา จะเป็นย่านเทคโนโลยีและสตาร์ตอัป พระราม 9-รามคำแหง จะพัฒนาเป็น CBD รองของเมือง และรังสิตจะเป็นศูนย์กลางอยู่อาศัยของคนทำงานรุ่นใหม่

อย่างไรก็ตาม ในสองทศวรรษของตลาดคอนโดมิเนียมกรุงเทพฯ เปรียบเสมือนบทเรียนแห่งการปรับตัวและวิวัฒนาการของเมืองใหญ่ จากยุคทองของการเก็งกำไร สู่ยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต ความยั่งยืน และนวัตกรรมทางการอยู่อาศัย

และต่อไปในอนาคตจากนี้การแข่งขันอาจไม่ใช่เรื่องจำนวนยูนิตอีกต่อไป แต่คือการสร้างโครงการที่สะท้อนคุณค่าการใช้ชีวิตของคนเมืองอย่างแท้จริง โดยจะเป็นตัวกำหนดทิศทางใหม่ของอสังหาริมทรัพย์กรุงเทพฯ ที่คอลลิเออร์ส ประเทศไทยเชื่อว่าจะหล่อหลอมให้กรุงเทพฯ ก้าวสู่ “มหานครแห่งคุณภาพชีวิตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” อย่างสมบูรณ์แบบ

 

หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,142 วันที่ 23 - 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568