อสังหาฯประเภทอุตสาหกรรม -โลจิสติกส์ไทย เนื้อหอม ต่างชาติแห่ซื้อ-เช่าลงทุนระยะยาว

11 ต.ค. 2568 | 01:44 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ต.ค. 2568 | 01:59 น.

อสังหาฯประเภทอุตสาหกรรม -โลจิสติกส์ไทย เนื้อหอม ต่างชาติแห่ซื้อ-เช่าลงทุนระยะยาว JLL  ประสบความสำเร็จปิดการขายและเช่ากลับโรงงานพื้นที่ 12,000 ตารางเมตรในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด (WHA ESIE) ให้กับพรีซิชั่น โกลบอล

KEY

POINTS

  • ตลาดอสังหาริมทรัพย์ภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของไทยยังคงเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง สำหรับการซื้อและเช่าเพื่อการลงทุนระยะยาว
  • กลยุทธ์ "การขายและเช่ากลับ" (Sale and Leaseback) กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถแปลงสินทรัพย์เป็นทุนเพื่อต่อยอดธุรกิจ ขณะที่นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่มั่นคง
  • ปัจจัยหนุนสำคัญมาจากทำเลที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และนโยบายกระจายฐานการผลิตออกจากจีน (China+1) ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและโลจิสติกส์ที่น่าสนใจ

ท่ามกลางความท้าทายเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวต่ำตลอดอสังหาริมทรัพย์ในภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ไทยยังคงได้รับความสนใจทั้งจากนักลงทุนไทยและต่างชาติโดยสะท้อนได้จากJLLประเทศไทยประสบความสำเร็จในการปิดการขายและเช่ากลับโรงงานพื้นที่ 12,000 ตารางเมตรในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด (WHA ESIE) จังหวัดระยอง ให้กับพรีซิชั่น โกลบอล หนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกในอุตสาหกรรมการผลิตวาล์วสเปรย์

ในการขายโรงงานดังกล่าวให้กับทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท (AIMIRT) และเช่ากลับโรงงานเดียวกันนี้ด้วยสัญญาเช่าระยะยาวนายกฤช ปิ่มหทัยวุฒิ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าหน่วยธุรกิจบริการด้านการลงทุน JLL ประเทศไทย กล่าวว่า

“กลยุทธ์การขายและเช่ากลับ เป็นแนวทางการบริหารสินทรัพย์ที่สร้างประโยชน์ร่วมกันได้อย่างลงตัว ทั้งสำหรับผู้ซื้อและผู้ขาย โดยในกรณีนี้ พรีซิชั่น โกลบอล ได้ขายโรงงานของตนและทำสัญญาเช่ากลับจากผู้ซื้อ ช่วยให้บริษัทได้รับเงินทุนสำหรับการลงทุนเพิ่มในธุรกิจ โดยปราศจากผลกระทบใดๆ ต่อการดำเนินงานของตนเอง ในส่วนผู้ซื้อ คือ กองทรัสต์ AIMIRT ได้ประโยชน์จากการเข้าครอบครองสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนให้ได้ทันทีจากค่าเช่าที่ได้รับ”

 

 

กฤช ปิ่มหทัยวุฒิ

พรีซิชั่น โกลบอล เปิดเผยว่า ธุรกรรมที่เกิดขึ้นนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเพิ่มความคล่องตัวทางการเงิน ด้วยการลดการถือครองสินทรัพย์ถาวร และนำเงินทุนที่ได้จากการขายกลับไปต่อยอดด้านนวัตกรรมและการขยายธุรกิจโดยธุรกรรมนี้ เป็นหนึ่งในธุรกรรมการขายและเช่ากลับหลายรายการที่บริษัทได้ดำเนินการต่อเนื่องและเสร็จสิ้นไปแล้วในภูมิภาคนี้ทั้งนี้ มิสเตอร์ เธียรีย์ บวน ซีอีโอ พรีซิชั่น โกลบอล กล่าวว่า

“ดีลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของเราที่มีต่อประเทศไทย ในฐานะที่เป็นหนึ่งในฐานธุรกิจที่สำคัญและความตั้งใจที่จะขยายการเติบโตด้วยกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์ การมีความคล่องตัวมากขึ้นทางการเงิน จะช่วยให้เราสามารถลงทุนเพิ่มในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ สำหรับลูกค้าของเราทั่วโลก คำแนะนำและการทำงานอย่างมืออาชีพของ JLL ช่วยให้การทำธุรกรรมนี้ผ่านไปได้อย่างราบรื่น และช่วยสนับสนุนเป้าหมายทางธุรกิจของเรา”

ทางด้านกองทรัสต์ AIMIRT การลงทุนซื้อโรงงานของพรีซิชั่น โกลบอลในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นกลยุทธ์การมุ่งเน้นการลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพสูงในภาคอุตสาหกรรม โดยกองทรัสต์ได้ขยายพอร์ตการลงทุนอย่างต่อเนื่องในอสังหาริมทรัพย์ภาคอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างมูลค่าในระยะยาวในตลาดที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งของประเทศไทย

 

นายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIMIRT กล่าวว่า “การเข้าซื้อโรงงานของพรีซิชั่น โกลบอลที่ระยอง สอดคล้องกับกลยุทธ์ของเราที่เน้นการลงทุนในสินทรัพย์คุณภาพสูงในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย โดยธุรกรรมนี้ซึ่งมาพร้อมกับผู้เช่าที่มีคุณภาพสูง ทำให้กองทรัสต์ของเราได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงและมีโอกาสได้ประโยชน์จากมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ดังนั้น เราจึงรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้สินทรัพย์นี้เพิ่มเข้ามาในพอร์ตการลงทุนของเรา”

จรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ

การขายและเช่ากลับ เป็นกลยุทธ์ที่กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ในประเทศไทยอสังหาริมทรัพย์ในภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของประเทศไทยยังคงได้รับความสนใจทั้งจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ ด้วยปัจจัยหนุนจากระบบสาธารณูปโภคที่ดีและการกระจายฐานการผลิตออกจากประเทศจีนข้อมูลตลาดเชิงลึกจาก JLL เผยให้เห็นว่า อสังหาริมทรัพย์ในทำเลสำคัญของประเทศไทย ล้วนได้รับความสนใจสูงจากนักลงทุน เนื่องจากมีความได้เปรียบในเชิงกลยุทธ์ ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ครบถ้วน และความใกล้ชิดกับแหล่งซัพพลายเชนหลัก

จากการสังเกตการณ์ของ JLL ยังแสดงให้เห็นด้วยว่า การขายและเช่ากลับ เป็นกลยุทธ์ที่กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมที่ต้องการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนโดยยังคงสามารถดำเนินธุรกิจได้ด้วยความต่อเนื่อง และกลุ่มนักลงทุนที่กำลังมองหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำในภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย

นายกฤชจาก JLL กล่าวว่า “ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนหลายประการ ประกอบกับตลาดทุนที่มีภาวะตึงตัวแม้ดอกเบี้ยจะเข้าสู่ช่วงขาลง การขายและเช่ากลับ จะเป็นรูปแบบการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งสำหรับบริษัทผู้ประกอบการ และกลุ่มนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยการขายและเช่ากลับ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสามารถแปลงสินทรัพย์เป็นทุน และหันไปทุ่มเททรัพยากรให้กับธุรกิจหลักของตน ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้นักลงทุนที่พร้อมลงทุน ได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาวจากสินทรัพย์ที่เข้าซื้อ

“อสังหาริมทรัพย์ในภาคอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ได้รับความสนใจสูงทั้งจากนักลงทุนไทยและต่างชาติ เราเชื่อว่า แนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไป หนุนด้วยหลายปัจจัย ได้แก่ การที่ทำเลที่ได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ ประกอบกับการมีระบบสาธารณูปโภคที่แข็งแกร่งที่รวมถึงท่าเรือน้ำลึกต่างๆ และการเชื่อมโยงกับตลาดหลักๆ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตและโลจิสติกส์ที่สำคัญของภูมิภาค นอกจากนี้ ภาครัฐฯ ยังมีนโยบายสนับสนุนด้านต่างๆ เพื่อส่งเสริมการลงทุน ในขณะเดียวกัน แนวคิด China+1 ที่ว่าด้วยกลยุทธ์ของบริษัทข้ามชาติที่ต้องการกระจายฐานการผลิตและความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยลดการพึ่งพาประเทศจีนเพียงแห่งเดียว และมองหาประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเป็นฐานการผลิตหรือดำเนินงานแห่งที่สอง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะเพิ่มโอกาสการมีบริษัทข้ามชาติเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเสริมสร้างให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ประเภทอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น”