บ้านหรูแข่งเดือด! ตลาดลักชัวรี ปรับเกมเฉพาะกลุ่มจับเรียลดีมานด์

10 ต.ค. 2568 | 00:07 น.

คอลลิเออร์สเผยตลาดบ้านหรู 30-80 ล้านบาทยังคึกคัก รับแรงหนุนกำลังซื้อเศรษฐีรุ่นใหม่และนักลงทุนปล่อยเช่า ขณะ A5 เดินเกมรุกตลาดลักชัวรี เปิดตัวแบรนด์ใหม่ ตอบโจทย์ ดีมานด์เรียลเซ็กเมนต์

ท่ามกลางภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางในหลายมิติ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบนกลับแสดงศักยภาพสวนทางกับตลาดแมส โดยเฉพาะบ้านแนวราบระดับราคา 30-80 ล้านบาท ซึ่งยังเป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อและลงทุนต่อเนื่อง ตามข้อมูลจาก แผนกวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส ประเทศไทย จำกัด ที่ชี้ว่า ภายในปี 2567 มีอุปทานบ้านหรูในกลุ่มราคาดังกล่าวเปิดขายใหม่กว่า 1,498 ยูนิต มูลค่ารวม กว่า 73,420 ล้านบาท แม้จะลดลงราว 34% จากปีก่อนหน้า แต่กลับเป็นตลาดที่มี “คุณภาพของดีมานด์” สูงและขายได้จริงในสัดส่วนกว่า 61.5% ของยูนิตทั้งหมด

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย เปิดเผยว่า กลุ่มบ้านระดับลักชัวรีถือเป็น “ตลาดของผู้ซื้อ” เต็มรูปแบบ ลูกค้ามีอำนาจต่อรองสูงและเลือกสินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว โดยเฉพาะกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่และเศรษฐีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ที่มองบ้านหรูทั้งเพื่ออยู่อาศัยและการลงทุนปล่อยเช่า ซึ่งสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 300,000-1,000,000 บาทต่อเดือน

“แม้ตลาดจะอยู่ในช่วงชะลอตัวบางส่วน แต่บ้านหรูยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและมีมูลค่าเพิ่มจากที่ดินในระยะยาว ผู้พัฒนารายใหญ่จึงยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการระดับพรีเมียมอย่างต่อเนื่อง” นายภัทรชัยกล่าว

บ้านหรูแข่งเดือด! ตลาดลักชัวรี ปรับเกมเฉพาะกลุ่มจับเรียลดีมานด์

ข้อมูลคอลลิเออร์สระบุว่า ปัจจุบันผู้พัฒนาที่ครองตลาดบ้านหรูมากที่สุดคือ เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)ครองส่วนแบ่ง 42.21% ตามด้วย แสนสิริ 23.56%, แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 14.23%, สิงห์ เอสเตท 10.99%, และ เอพี (ไทยแลนด์)9.01% ซึ่งล้วนเป็นแบรนด์ที่เน้นทำเลศักยภาพในเมือง เช่น ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า-กรุงเทพกรีฑา-บางนา-พระราม 9

ในสมรภูมิที่มีผู้เล่นรายใหญ่ เช่น แสนสิริ, เอสซี แอสเสท, เอพี, และ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ครองตลาด A5 ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ หรูเลือกใช้กลยุทธ์ “Customer Obsession” หรือการทำความเข้าใจลูกค้าเชิงลึกเพื่อตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม โดยเน้น “ตลาดที่แคบแต่ตรงจุด (Very Niche)” และสร้างความรู้สึกเร่งด่วนในการตัดสินใจซื้อ (Sense of Urgency) ผ่านการออกแบบที่ตรงกับรสนิยมจริงของผู้ซื้อ

นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทถือเป็นผู้เล่นใหม่ในตลาดบ้านหรูที่ตั้งเป้าแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ โดยสร้างจุดแข็งจาก “ความเข้าใจลูกค้า” มากกว่าการขยายโครงการจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น โครงการ CINQ ROYAL มูลค่า 3,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นแบรนด์ลักชัวรีชุดแรกของบริษัท สามารถขายหมดและปิดโครงการได้เร็วกว่ากำหนดถึง 3 ปี ภายในเวลาเพียง 2 ปี 9 เดือน

“ตลาดบ้านหรูวันนี้เป็นยุคของ Personalization บ้านต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เฉพาะของแต่ละครอบครัว ไม่ใช่แค่เรื่องพื้นที่หรือราคา แต่เป็นการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่สะท้อนตัวตน” นายศุภโชคกล่าว

ข้อมูลของคอลลิเออร์สยังชี้ว่า ตลาดบ้านหรูเริ่มเห็นแนวโน้ม “กำลังซื้อใหม่จากต่างชาติ” โดยเฉพาะชาวจีน เมียนมาร์และเวียดนาม ที่เข้ามาซื้อบ้านในโซนกรุงเทพตะวันออกเพื่ออยู่อาศัยระยะยาว ใกล้โรงเรียนนานาชาติและสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะที่คนไทยรุ่นใหม่มองบ้านหรูเป็นทั้ง investment asset และ identity symbol ทำให้ตลาดบ้านระดับ 30-80 ล้านบาทยังมีแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง

จากสถานการณ์ปัจจุบัน นายศุภโชคยังมองว่า ตลาดบ้านหรูเป็น Bear Market ที่ลูกค้าเลือกเยอะและระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะบ้านราคามากกว่า 50 ล้านบาทซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ชำระเงินสดครึ่งหนึ่งและกู้เพียง 70-80% ขณะที่ธนาคารยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อแม้จะมีการผ่อนปรน LTV 100%

อย่างไรก็ตาม A5 ยังคงเดินหน้าตามแผน 3 ปี (2569-2571) เปิดตัวโครงการแนวราบระดับลักชัวรีรวม 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6,150 ล้านบาท โดยตั้งเป้าขยายพอร์ตให้ครอบคลุมตั้งแต่ แบรนด์ Ultra Luxury ราคาสูงกว่า 100 ล้านบาท ไปจนถึง แบรนด์ระดับกลางตํ่ากว่า 20 ล้านบาท เพื่อเติมช่องว่างตลาด (Fill the Gap) โดยเฉพาะในทำเล ราชพฤกษ์ และ เลียบด่วน–รามอินทรา

“หลักการเลือกทำเลของเราคือ ต้องเดินทางเข้าเมืองได้ภายใน 30 นาที และเน้นโซนกรุงเทพตะวันออกเป็นหลัก เพราะเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อโครงข่ายเมืองใหม่และมีแนวโน้มเติบโตของดีมานด์จริง” นายศุภโชคกล่าว

โดยล่าสุด A5 ได้ต่อยอดสู่แบรนด์ใหม่ Cinquième Krungthep Kreetha มูลค่า 1,370 ล้านบาท โครงการลักชัวรีพูลวิลล่าที่ออกแบบภายใต้แนวคิด “The Fifth Dimension of Privacy Living” หรือ “5 มิติแห่งความเป็นส่วนตัว” ที่ตีความความหรูในมุมสงบและเรียบง่าย ตามแนวคิด Quiet Luxury

Cinquième Krungthep Kreetha

โครงการมีเพียง 16 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 655-805 ตร.ม. ทุกหลังมีสระว่ายนํ้า ลิฟต์ส่วนตัว และเลือกใช้วัสดุระดับโลก เช่น Gessi, Kohler, TOTO พร้อมเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์อิตาเลียน Molteni&C และ Poltrona Frau โดยความร่วมมือกับพันธมิตร Euro Creations

ทั้งนี้ A5 มีแนวโน้มปรับพอร์ตให้หลากหลายมากขึ้นในอนาคต โดยเตรียมพัฒนาแบรนด์ที่มีระดับราคาตํ่ากว่า 20 ล้านบาท เพื่อเจาะกลุ่มเรียลดีมานด์ในทำเลราชพฤกษ์และเลียบด่วน พร้อมเดินหน้าพัฒนาแบรนด์ Ultra Luxury ที่ราคาเกิน 100 ล้านบาทในอนาคต เพื่อครอบคลุมตลาดลักชัวรีทุกเซ็กเมนต์

อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของ A5 คือการขยายฐานลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะ ชาวจีนและประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่าและเวียดนามซึ่งนิยมบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยกว้างเพดานสูง และใกล้โรงเรียนนานาชาติหรือสนามบิน นายศุภโชคมองว่าแนวโน้มนี้จะเป็น “New Demand” ที่ช่วยพยุงตลาดในระยะยาว ท่ามกลางโครงสร้างประชากรไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย ซึ่งคาดว่า 30% ของประชากรจะอายุเกิน 60 ปีในปี 2575

บริษัทจึงเสนอให้ภาครัฐพิจารณานโยบายสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น วีซ่าระยะยาว (Long-Term Visa) และสิทธิการถือครองกรรมสิทธิ์ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ซื้อและดึงดูดกำลังซื้อจากต่างประเทศ

โดยภาพรวมแล้ว ตลาดบ้านหรูไทยยังคงมีศักยภาพเติบโตในระยะกลางถึงยาว แม้เผชิญแรงกดดันจากต้นทุนที่ดินและการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวด โดยผู้ประกอบการจำเป็นต้องพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการเชิงลึกของลูกค้า มากกว่าการเน้นราคาแข่งขัน

ทั้งคอลลิเออร์สและผู้พัฒนาในตลาดต่างเห็นตรงกันว่า ทิศทางของตลาดลักชัวรีจะเปลี่ยนผ่านจากการเน้นความโอ่อ่า สู่ความเรียบหรูและใช้งานจริง ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้ม Quiet Luxury ที่กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศ

 

หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,139 วันที่ 12 -15 ตุลาคม พ.ศ. 2568