นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดรับสร้างบ้านในปีนี้ยังเผชิญกับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มบ้านระดับราคาสูงตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอย่างชัดเจน
“กลุ่มบ้านหรูเป็นกลุ่มที่สร้างจากความต้องการที่ไม่เร่งรีบ ส่วนใหญ่เป็นบ้านหลังที่สองหรือสาม หากเศรษฐกิจหรือการเมืองไม่นิ่ง ผู้บริโภคก็จะชะลอการตัดสินใจ ถึงแม้จะมีเงินแต่ไม่อยากใช้เงินในช่วงนี้” นายอนันต์กรกล่าว
ขณะที่กลุ่มผู้บริโภคในระดับราคากลางถึงล่าง โดยเฉพาะบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาท ยังคงมีดีมานด์ต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นการสร้างบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริง (เรียลดีมานด์) ซึ่งผู้บริโภคในกลุ่มนี้บางส่วนยังสามารถเข้าถึงสินเชื่อ และเห็นว่าการสร้างบ้านยังเป็นสิ่งจำเป็นในฐานะปัจจัยสี่
ในด้านเศรษฐกิจ ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามองคือทิศทางของอัตราค่าแรง โดยเฉพาะกรณีมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท ซึ่งอาจส่งผลต่อต้นทุนก่อสร้างในบางกลุ่ม โดยเฉพาะค่าแรงของกรรมกรทั่วไปที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 400 บาท ขณะที่แรงงานฝีมือในธุรกิจรับสร้างบ้านเดิมส่วนใหญ่อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว
“การปรับขึ้นค่าแรงจะกระทบบ้างในบางบริษัท โดยเฉพาะหากต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10-15% อาจทำให้ต้นทุนรวมปรับขึ้นประมาณ 5% แต่บริษัทจำนวนหนึ่งสามารถบริหารจัดการได้ เช่น ลดส่วนลดหรือปรับกลยุทธ์ราคา ซึ่งภาพรวมยังถือว่าอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้” นายอนันต์กรกล่าวเสริม
นอกจากนี้ นายอนันต์กรยังระบุว่า ความเปลี่ยนแปลงในระดับการเมืองระหว่างประเทศ เช่น สถานการณ์ในสหรัฐอเมริกา สงคราม หรือตลาดทุนที่ผันผวน ล้วนเป็นปัจจัยลบที่ฉุดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในกลุ่มบน ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจสร้างบ้านใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มนักธุรกิจ ผู้ส่งออก และกลุ่มที่มีรายได้ผันผวนตามผลกระทบที่ได้รับ
ในด้านของการเมืองในประเทศ ทั้งความขัดแย้งต่างๆ ความไม่ชัดเจนทางนโยบายหรือการเปลี่ยนแปลงผู้นำอาจทำให้ผู้บริโภคชะลอ การตัดสินใจสร้างบ้าน แม้จะมีเงินพร้อมก็ตาม
“สิ่งที่ภาคธุรกิจอยากเห็นคือเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมือง เพราะเมื่อเครื่องยนต์ใหญ่ในระบบเดินได้ดี ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็จะกลับมา และบ้านก็เป็นปัจจัยสี่ที่มีความสำคัญ หากความเชื่อมั่นกลับมา ธุรกิจรับสร้างบ้านก็จะเดินหน้าได้ดีขึ้น” นายอนันต์กรกล่าว
ทั้งนี้ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้เตรียมการรับมือด้วยการปรับตัวให้พร้อมทุกสถานการณ์ โดยเดินหน้าการสร้างการรับรู้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบกิจกรรมทางการตลาด การสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ทันสมัยมากขึ้น
รวมถึงการอบรมและคัดกรองสมาชิกให้มีมาตรฐานคุณภาพเดียวกันทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นให้ผู้บริโภคมั่นใจว่า “ธุรกิจรับสร้างบ้าน” คือบริการแบบครบวงจร แตกต่างจากการใช้ผู้รับเหมาทั่วไป ซึ่งแนวทางเหล่านี้ช่วยพยุงความเชื่อมั่น และดึงดีมานด์ที่ยังมีอยู่ให้กลับมาตัดสินใจได้เร็วขึ้น