การจัดทำร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) ของกรุงเทพมหานคร(กทม.)เพื่อใช้แทนผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับปัจจุบันปี2556 กว่า10ปีมีความล้าสมัยไม่ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรัฐ โครงข่ายรถไฟฟ้า การพัฒนาของภาคเอกชน
แม้ว่าที่ผ่านมากทม.มีหมุดหมายที่จะประกาศใช้ให้ทันอย่างเร็วภายในปี2563อย่างช้าปี2564 แต่เนื่องจากต้องนับหนึ่งใหม่ หลังพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) การผังเมืองฉบับใหม่มีผลใช้ปี2562 ผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 ประกอบกับการร้องเรียนของภาคสังคม ประชาชน เป็นวงกว้างโดยเฉพาะผลกระทบเรื่องของโครงข่ายถนนในร่างผังเมืองรวมฯ และมีเป้าหมายประกาศใช้ปี2569 แต่ล่าสุดต้องเลื่อนออกไป เป็นปี2570
ล่าสุด วันนี้ (19 พ.ค.68) นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึง ความคืบหน้าร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) จากการประชุมคณะกรรมการพิจารณาผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับข้อคิดเห็นจากกรมโยธาธิการและผังเมืองว่า
ไม่ควรแก้รายละเอียดผังเมืองรวมฉบับปี 2556 มากเกินไป เนื่องจากข้อพิจารณ์ต่าง ๆ ที่ออกมาไม่ได้อยู่ในขอบข่ายของผังเมืองฉบับปี 2556 เพราะผังปี 2556 ผ่านการพิจารณาไปก่อนแล้ว ไม่ควรนำความเห็นประชาชนปัจจุบันกลับมาแก้หรือยกเลิกรายละเอียดย้อนหลัง ซึ่งการพิจารณาปรับแก้หรือยกเลิกรายละเอียดผังเมืองต้องสอดคล้องกันระหว่าง 3 ส่วน คือ นโยบายรัฐ ความเห็นประชาชน และภาควิชาการ
โดย กทม.ดำเนินการในส่วนความรับผิดชอบ คือลงพื้นที่นำความเห็นประชาชนมาประกอบการพิจารณา เช่น หากประชาชนมีข้อเสนอให้ยกเลิกถนนบางสาย กทม.ต้องดูเหตุผลทางวิชาการประกอบ หากสอดคล้องกัน จะเสนอยกเลิก
แต่หาก กรมโยธาธิการและผังเมืองไม่เห็นด้วย ต้องหารือกับคณะกรรมการกรมโยธาธิการและผังเมืองระดับจังหวัดเพื่อหาข้อสรุปต่อไป โดยข้อคิดเห็นส่วนใหญ่ที่ กทม.ได้รับจากการทำประชาพิจารณ์คือเรื่องถนนต่าง ๆ มีการขอให้ยกเลิก ปรับขนาด และขอให้คงไว้ ซึ่งมีการพิจารณาและปรับแก้ตามเหตุผลที่สอดคล้องกันทั้ง 3 ส่วนดังกล่าว
อย่างไรก็ตามการประชุมครั้งต่อไปจะประชุมสรุปผลเรื่องสีของผังเมือง เช่น ผังที่โล่ง ผังทางน้ำ ผังทรัพยากร เป็นต้น คาดว่าเรื่องสีของผังเมืองจะประชุมอีก 2 ครั้ง จึงได้ข้อสรุป โดยภาพรวม เมื่อคณะกรรมการพิจารณาปรับแก้ผังเมืองทั้งหมดแล้ว
ต้องทำประชาพิจารณ์อีกครั้ง ซึ่งต้องปรึกษากรมโยธาธิการและผังเมืองว่าจะดำเนินการส่วนนี้อย่างไรต่อไป โดยคาดว่าภายในเดือนมิ.ย.นี้ จะเสนอเข้า กรมโยธาธิการและผังเมือง ก่อนเสนอตามขั้นตอนต่อไป
ด้านนายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการวางผังและพัฒนาเมือง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการที่ปรึกษาผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัจจุบัน ร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร (ปรับปรุงครั้งที่ 4) ฉบับปรับปรุง มีความก้าวหน้า 70 %
แต่ร่างผังเมืองรวมฯ มีรายละเอียดจำนวนมาก และมีความจำเป็นต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อให้ครอบคลุมถึงประเด็นที่ประชาชนมีความต้องการให้ปรับปรุงแก้ไข
โดยเฉพาะแนวถนนโครงการบางสายทางที่ประชาชนมีความกังวลว่าจะได้รับผลกระทบ การปรับปรุงแก้ไขแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สามารถตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงสภาพการณ์และสิ่งแวดล้อมของกรุงเทพมหานครและต้องสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน การเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับเมือง
และมาตรการทางผังเมืองอื่น ๆ อีกทั้ง การปรับปรุงร่างผังเมืองรวมฉบับใหม่ ต้องเป็นไปตามหลักการทางผังเมือง และมาตรฐานที่กรมโยธาธิการและผังเมืองกำหนดไว้ กทม.จึงพยายามเร่งรัดการดำเนินการในขั้นตอนนี้ให้รวดเร็ว และมีความรอบคอบมากที่สุดเพราะเข้าใจว่าประชาชนอยากเห็นร่างผังเมืองรวมที่ได้รับการปรับปรุงหลังจากการรับฟังความคิดเห็นแล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตามหลังจากคณะกรรมการที่ปรึกษาผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครชุดนี้ให้ความเห็นแล้วเสร็จ ในขั้นตอนต่อไปจะเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาด้านการผังเมืองของกรมโยธาธิการและผังเมือง (อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นประธาน) เพื่อให้ความเห็น และเสนอคณะกรรมการผังเมืองจังหวัดกรุงเทพมหานคร (ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน)
เพื่อพิจารณาต่อไป หากคณะกรรมการผังเมืองจังหวัดกรุงเทพมหานครเห็นด้วยกับความเห็นของกรมโยธาธิการและผังเมือง จะนำไปปิดประกาศเป็นเวลา 90 วัน เพื่อให้ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียสามารถยื่นคำร้องขอแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกข้อกำหนดได้อีกครั้งตามขั้นตอนของกฎหมาย
โดยกรุงเทพมหานครจะนำคำร้องดังกล่าว เสนอคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องพิจารณา ผลการพิจารณาถือเป็นที่สิ้นสุด และจักนำร่างผังเมืองรวมฯ เข้าสู่ขั้นตอนตามกฎหมายเพื่อประกาศเป็นข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครใช้บังคับต่อไป และคาดว่าจะประกาศใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับใหม่ได้ในปี 2570