REIC ชี้ 'ที่อยู่อาศัยผู้สูงวัย' ปี 67 ยังพัฒนาไม่ทัน ความต้องการพุ่งสูง

08 ธ.ค. 2567 | 01:26 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ธ.ค. 2567 | 02:12 น.

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธอส. (REIC) เปิดผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยผู้สูงอายุ พบไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยสมบูรณ์ ชี้การพัฒนาที่อยู่อาศัยรองรับยังล้าหลัง เผยอัตราการเข้าพัก Nursing Home และ Residence สูงสุดในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ

ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบในปี 2567 ด้วยจำนวนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็น 20% ของประชากรทั้งประเทศ เพิ่มขึ้นจากเพียง 6.8% ในปี 2537 โดยจำนวนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเพิ่มเฉลี่ยปีละ 4.89%

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุยังไม่เพียงพอ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ REIC รายงานผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยทั่วประเทศ พบมีจำนวน 916 โครงการ แบ่งเป็น Nursing Home 832 โครงการ และ Residence 84 โครงการ โดยส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 516 โครงการ

อัตราการเข้าพักสูงในกรุงเทพฯ-เมืองท่องเที่ยว

จากการสำรวจ Nursing Home มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 70.91% โดยในกรุงเทพฯ มีจำนวนหน่วยสูงสุดและมีอัตราเข้าพักที่ 69.21% ส่วนจังหวัดชลบุรีมีอัตราเข้าพักสูงสุดที่ 76.95% รองลงมาคือ นครราชสีมา 73.71% และเชียงใหม่ 73.07% ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวได้รับความนิยมทั้งในกลุ่มผู้สูงอายุชาวไทยและชาวต่างชาติ 

ขณะที่ Residence ในกรุงเทพฯ มีอัตราเข้าพักสูงถึง 75.64% และในสมุทรปราการอยู่ที่ 70.91% สะท้อนถึงความต้องการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยในพื้นที่เขตเมืองและศูนย์กลางเศรษฐกิจ ซึ่งยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ราคาค่าเช่า Nursing Home-Residence

ด้านราคาค่าเช่า Nursing Home พบว่าช่วงราคา 15,001–20,000 บาท เป็นช่วงที่พบมากที่สุดทั้งในราคาเช่าของภาครัฐคิดเป็น 46.76% มูลนิธิอยู่ที่ 59.91% และเอกชน 32.03% 

ส่วนกลุ่ม Residence พบราคาเช่าของภาครัฐที่มากที่สุด ต่ำกว่า 10,000 บาท ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 83.02% ในขณะที่ช่วงราคาเช่าของเอกชนจำนวนมากที่สุดตั้งอยู่ในช่วง 30,001–50,000 บาท คิดเป็น 38.61%

แนวทางพัฒนากลไกการเงินและความยั่งยืน

ทั้งนี้ จากผลการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุในไทย สะท้อนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะด้านความแตกต่างของระดับรายได้ และการพัฒนาเศรษฐกิจในแต่ละจังหวัด

REIC ระบุว่า การพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุควรคำนึงถึงบริบททางเศรษฐกิจและศักยภาพแต่ละพื้นที่ พร้อมเสนอกลไกการเงิน เช่น สินเชื่อระยะยาว (Long-term Lease) หรือการซื้อสิทธิ์การอยู่อาศัย (Right to Occupy) เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการ เช่น โครงการสินเชื่อเพื่อผู้สูงอายุของธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความยั่งยืนในการพัฒนาที่อยู่อาศัย

ผลการสำรวจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุในไทย ซึ่งต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นและตอบสนองความหลากหลายของรูปแบบการอยู่อาศัยที่สอดคล้องกับประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้นในอนาคต