ศูนย์ค้าวัสดุก่อสร้างครบวงจรเดินหน้าลุยตลาด "เมกาโฮม" ปลื้มก่อสร้างฟื้น ไตรมาส 2 เปิด 2 สาขาที่โรจนะ อยุธยา และหาดใหญ่ ตามแผนตั้งเป้าขยายเพิ่ม 4 จุด คาดหมายยอดขายโต 50% ด้าน "ดูโฮม" ทุ่มงบ 200 ล้านบาท เพิ่มช่องทางขายบนเว็บไซต์
[caption id="attachment_47346" align="aligncenter" width="503"]
ตลาดรวมวัสดุและสินค้าเกี่ยวกับบ้าน[/caption]
นางสุพรศรี นาคธนสุกาญจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและบริหารกลุ่มสินค้า บริษัท เมกา โฮม เซ็นเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังซื้อในกลุ่มผู้รับเหมาดีกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพราะจริงๆแล้วภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้ชะลอตัว เพียงแต่มีบางเซ็กเมนต์ที่ไม่เติบโตก็คือคอนโดมิเนียม เนื่องจากก่อสร้างจำนวนมากสูงเกินกว่าความต้องการ ในขณะที่กลุ่มบ้านเช่า อพาร์ตเมนต์ หรือหอพักที่ใกล้กับสถานศึกษาและแหล่งงานย่านชานเมืองยังมีการเติบโต ยิ่งรัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและเตรียมจัดให้มีการเลือกตั้งในปีหน้า ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯมีความเชื่อมั่นและเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ๆ
สำหรับการดำเนินงานของเมกาโฮมในปีนี้คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย โดยจะเปิดสาขาใหม่อีก 4 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 7 สาขา ทั้งนี้สิ้นเดือนเมษายนนี้จะเปิดสาขา 8 สาขาโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถัดจากนั้นเป็นสาขาหาดใหญ่ ซึ่งตามแผนตั้งเป้าเปิดให้ได้ 20 สาขาใน 5 ปี (2558-2562) งบลงทุนสาขาละประมาณ 500 ล้านบาท ด้านยอดขายปีนี้คาดการณ์จะปิดที่ 6.4 พันล้านบาท เติบโตจากปี 2558 ที่มียอดขาย 4.4 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 50% จากปีแรกที่มียอดขายกว่า 200 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายว่าในปี 2560 จะทำยอดขาย 1 หมื่นล้านบาท
"ไตรมาสแรกปีนี้สามารถปิดยอดขายกว่า 1.4 พันล้านบาท หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนแล้วเติบโตกว่า 10% ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจและดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้ว่ายอดการใช้จ่ายต่อบิลของลูกค้าจะลดลง แต่ความถี่ไม่ลด เฉลี่ย 2000 บาทต่อบิล นอกจากนั้นบริษัทยังจัดกิจกรรมตลาดต่อเนื่องทุกเดือนตลอดทั้งปี"
ปัจจุบันรูปแบบสาขาของเมกาโฮม มี 3 ขนาด 1. แฟลกชิพสโตร์ สาขารังสิต พื้นที่เกือบ 2 หมื่นตารางเมตร 2. รูปแบบสาขาจังหวัดชายแดนรับเออีซี พื้นที่ประมาณ 1.5 หมื่นตารางเมตร และ 3.รูปแบบล่าสุด ใกล้เขตนิคมอุตสาหกรรม มีพื้นที่ประมาณ 1 หมื่นตารางเมตร โดยสาขาที่ทำยอดขายสูงสุดมี 2 สาขาคือที่รังสิต และบ่อวิน ส่วนฐานสมาชิกเมกาโฮมมีทั้งสิ้น 3 แสนราย ปีนี้จะเพิ่มให้ได้อีก 5 หมื่นราย
ด้านดูโฮม ศูนย์ค้าส่งค้าปลีกวัสดุก่อสร้างเกี่ยวกับบ้านครบวงจรซึ่งมีฐานตลาดส่วนใหญ่ในภูมิภาคนั้น ล่าสุด นายมารวย ตั้งมิตรประชา กรรมการบริหาร บริษัท ดูโฮม จำกัด กล่าวว่า หลังจากดำเนินธุรกิจมานาน 33 ปี มี 7 สาขา และในปี 2558 ทำยอดขายรวมกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับเป้าหมายยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ บริษัทได้เพิ่มช่องทางการขายสินค้าผ่านเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซ ดูโฮมช็อปออนไลน์ www.dohome.co.th ขึ้นมาอีก 1 ช่องทาง เพิ่มทางเลือกในการสั่งซื้อสินค้า ซึ่งการขายผ่านทางออนไลน์นั้น เรียกได้ว่าเป็นสาขาที่ 9 ก็ว่าได้
"การเปิดตัวเว็บไซต์ในช่วงแรกนี้ใช้เงินลงทุนกว่า 200 ล้านบาท พัฒนาระบบเว็บไซต์และเน้นโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ การตลาดออนไลน์เต็มรูปแบบ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าบนโลกออนไลน์และตรงกลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด ให้ลูกค้าได้เลือกช็อปกันแบบออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องสมัครสมาชิก ก็สามารถซื้อสินค้าได้ ส่วนการชำระเงินมีหลากหลายช่องทาง มีการโอนเงินผ่านบัญชี, การจ่ายผ่านบัตรเครดิต และการเก็บเงินปลายทาง ในส่วนของการส่งสินค้า เรามีพันธมิตรในการช่วยส่งสินค้าให้เรา และเราการันตีการส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าภายใน 3-7 วันทำการ พร้อมรับประกันการคืนสินค้าภายใน 30 วัน" นายมารวยกล่าว
ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์เกี่ยวกับบ้านมีมูลค่าประมาณ 4 แสนล้านบาท เติบโตปีละ 5-10% แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ สินค้าเกี่ยวกับบ้าน อาทิ เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น มีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท อีกกลุ่มจะเป็นสินค้าพื้นฐานในการสร้างบ้าน อาทิ ปูน เหล็ก หลังคา เป็นต้น มีมูลค่าประมาณ 2 แสนล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,151 วันที่ 24 - 27 เมษายน พ.ศ. 2559