“ตะกร้า 6 ใบ” กระจายเสี่ยง"ออริจิ้น"

ผ่ามุมคิด

ณ วันนี้ ไม่ใช่เพียง ดิจิทัลดิสรัปชัน ที่เป็นตัวปัญหาสร้างความยากให้กับการดำเนินธุรกิจต่างๆ แต่การเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างรวดเร็ว ปัจจัยใหม่ที่ไม่มีใครคาดคิด อย่างการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (โควิค-19) ก็กำลังสร้างความปั่นป่วนให้ทุกอุตสาหกรรมอย่างหนัก รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ของไทยด้วย ที่เดิมทีตกหลุมอากาศ หายใจไม่เต็มปอดมาสักพัก ทางรอด คือ การปรับตัว ขณะ นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ยอมรับการทำธุรกิจปีนี้ยากสุดในรอบ 20 ปี กำลังซื้อซึม แนวโน้มเศรษฐกิจน่าห่วง อาการคล้ายวิกฤติ ปี 2540 ต่างเพียงไม่ใช่ภาวะฟองสบู่แตกโพละ แต่เป็น “ฤดูหนาว ที่ยาวนาน” การฟื้นตัวคงยาวนานกว่า ฉะนั้น การทำให้พอร์ตธุรกิจหลากหลายขึ้น จะช่วยกระจายความเสี่ยง และตั้งรับได้เร็วกว่านำทัพ6 บริษัทย่อย เพื่อขาย-เพื่อเช่า และบริการ ผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน เป้ารายได้ทะยาน 1.6 หมื่นล้านบาท พร้อมชูพาร์ตเนอร์โมเดล และความหลากหลายของโปรดักต์ต่อยอดความแข็งแกร่ง

ยากสุดในรอบ 20 ปี

ปัจจุบันการทำธุรกิจ อยู่ท่ามกลางความผันผวนของโลกและเศรษฐกิจที่ผันผวน ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนานั้น ได้เปลี่ยนการทำธุรกิจไปอย่างสิ้นเชิง จึงคาดว่าตลาดอสังหาฯปีนี้ จะยากกว่าทุกปี หนักยิ่งกว่าปี 2562 ที่ตลาดหดตัวนับ 30% แต่ครั้งนี้ คงหนักสุดในรอบ 20 ปี เนื่องจากไวรัสที่เกิดกับประเทศมหาอำนาจอย่างจีน ย่อมกระทบต่อแนวโน้มจีดีพีไทย อาจทำได้แค่ 1% เท่านั้น อสังหาฯ แม้ไม่ได้ร้ายแรงเหมือนวิกฤติปี 2540 แต่คาดเป็นสถานการณ์ที่จะกินช่วงระยะยาว เปรียบเป็นฤดูหนาวเหน็บที่ยาวนาน ฉะนั้น หากเปรียบธุรกิจเป็นคน สถานการณ์วันนี้ เรามีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกัน ทำสุขภาพให้แข็งแรง และตุนเสบียงไว้ให้พร้อมมากที่สุด ป้องกันการเจ็บป่วย ขณะเดียวกัน ฝากการบ้านให้ภาครัฐว่า การกระตุ้นภายในประเทศถือเป็นสิ่งสำคัญ

“ภาคอสังหาฯ ต้องปลดล็อก เกณฑ์ควบคุมการปล่อยสินเชื่อ ใหม่ ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแอลทีวีให้หมด กระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะไม่มีประเทศไหน ที่มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมหาศาลขนาดนี้ แต่ตลาดที่อยู่อาศัยหดตัว”

กลยุทธ์เปิดน่านน้ำใหม่

สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจปีนี้ บริษัทกระจายความเสี่ยงผ่าน 6 กลุ่มบริษัทย่อย 6 ธุรกิจ (ออริจิ้นคอนโดฯ,พาร์ค ลักชัวรี,บริทาเนีย,ออริจิ้น อีอีซี, วัน ออริจิ้น และ พรีโม) แบ่งเป็นพอร์ตรายได้เพื่อขาย เพื่อเช่า และการบริการ เพื่อรับมือกับปัจจัยภายนอกได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ยึดติดกับความสำเร็จด้านใดด้านหนึ่ง หวังช่วยสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นท่ามกลางตลาดเพื่อขายที่หดตัว ขณะเดียวกันอาจมีธุรกิจใหม่ๆ อีก ต่อยอดจากฐานลูกค้าที่มีอยู่ บนแพลตฟอร์มเดิม แตกขยายไลน์ออกไป ไม่ได้หยุดแค่ดีเวลอปเปอร์ ส่วนโปรเจ็กต์เพื่อขายนั้นจะเน้นความหลากหลายของโปรดักต์ ทุกเซ็กเมนต์ 14 โครงการ มูลค่า กว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่มแนวราบ พระเอกของตลาดอสังหาฯปีนี้ 10 โครงการ ตั้งแต่ทาวน์เฮาส์, บ้านเดี่ยว, บ้านแฝด ไปจนถึงบ้านไฮเอนด์ และบ้านลักชัวรี ราคาตั้งแต่ 3 -35 ล้านบาท กระจายพื้นที่การลงทุนไปสู่มากกว่า 10 จังหวัด  

นายพีระพงศ์ กล่าวต่อว่า กลุ่มคอนโดฯ นั้น ปีนี้พัฒนาสัดส่วน 39% จากพอร์ตเพื่อขาย ผ่าน 
4 โครงการใหม่ ลดลงจากช่วงปีที่ผ่านมา หลังจากขณะนี้ตลาดระบายซัพพลายได้ช้าลง

พาร์ตเนอร์โมเดล

ทั้งนี้ โมเดลที่จะทำให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่งอีกด้าน คือ การเปิดกว้างร่วมทุนกับพันธมิตร (พาร์ตเนอร์) ใหม่ๆ ในทุกรูปแบบ ซึ่งนอกจากการจับมือกับ “โนมูระ เรียลเอสเตท” กลุ่มทุนยักษ์จากญี่ปุ่นแล้ว ล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับอสังหาฯใหญ่ เกาหลีใต้ “GS E & C” เพื่อพัฒนาโครงการร่วมกัน เนื่องจากพันธมิตรต่างชาติ ยังเชื่อมั่นการลงทุนในไทย”

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,555 วันที่ 8-11 มีนาคม 2563