ซี.พี.แลนด์ ดัน “ซีพีเอฟเอ็ม” รุกธุรกิจบริหารอาคาร รับตลาดอสังหาฯขยายตัวทุกเซ็กเมนต์ทั้งอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้าและที่พักอาศัย คู่แข่งมีไม่มาก รายได้โตปีละ 50%
นายศัลย์ มูลศาสตร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบริหารอาคาร บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจอาคารสำนักงานมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง สำหรับซี.พี.แลนด์ เองก็มี อาคารสำนักงาน ซี.พี.ทาวเวอร์และงานบริหารจัดการอาคารทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค มากกว่า 800,000 ตารางเมตรทั่วประเทศ บริษัทจึงขยายธุรกิจใหม่ บริษัทซี.พี.ฟาซิลิตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด (CPFM) ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการทรัพยากรอาคารให้บริษัท และบริษัทนอกเครือด้วย
ศัลย์ มูลศาสตร์
สำหรับธุรกิจของ ซี.พี. ฟาซิลิตี้ แมเนจเม้นท์ ให้บริการเชิง building solution แก้ปัญหาให้ทุกอาคารที่มีปัญหา อาทิ การจัดการอาคาร การบริหารพื้นที่ ระบบอาคาร แม่บ้านและ รปภ. ฯลฯ คือบริการให้ได้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งนี้ช่วง 3 ปีแรกเป็นการสร้างฐานลูกค้าภายนอกก่อนเข้าไปประมูลงานของบริษัททั่วไป ถือเป็นเรื่องท้าทาย เพราะการประมูลงานทำให้ได้รับรู้ว่าบริการของบริษัทยังมีจุดอ่อนจุดไหนที่ต้องปรับปรุง
นายจักรพันธ์ ปิยะพฤกษพรรณ รองกรรมการผู้จัดการด้านบริหารทรัพยากรอาคาร กล่าวเสริมว่า ธุรกิจของซีพีเอฟเอ็ม จะเน้นบริหารจัดการอาคารสำนักงาน หรือสถานประกอบการเป็นหลัก ส่วนการบริหารนิติบุคคลอาคารชุดจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมของซี.พี. แลนด์เท่านั้น มีทั้งหมด 21 โครงการ กว่า 4,000 ยูนิต ซึ่งส่วนนี้มีแผนจะขยายไปบริหารคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ โดยจะทำการตลาดร่วมกับบริษัทในเครือซีพี เช่น ทรู ซึ่งลูกค้าค่อนข้างกว้าง
“ปีนี้คาดการณ์รายได้ไว้ที่ 70 ล้านบาท แต่อาจจะทำได้ถึง 100 ล้านบาท โตจากปีก่อนซึ่งมีรายได้ 50 ล้านบาท และปีหน้าเป้ารายได้มากกว่า 100 ล้านบาท ขณะนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โตทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศ หรืออาคาร ห้างสรรพสินค้า ที่พักอาศัยทั้งแนวราบ-แนวสูง บริษัทที่ทำธุรกิจบริการจัดการทรัพยากรอาคารหรือบริหารทรัพย์สิน มีจำนวนไม่มากและส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ รายเล็กไม่มี ยิ่งเป็นบริษัทที่เติบโตแบบซีพีเอฟเอ็ม มีไม่มาก”
นายจักรพันธ์ กล่าวว่า “ใน 3 ปีแรก เน้นเปิดตัวบริษัทให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ในงานอีเวนต์ต่างๆ เช่น งานสถาปนิก แต่ใน 2 ปีหลังนี้มีแต่ลูกค้าติดต่อเข้ามาให้ช่วยแก้ปัญหา ประกอบกับช่วง 2-3 ปีหลังที่ผ่านมา บริษัทได้ลูกค้าที่เป็นหน่วยงานราชการค่อนข้างมาก เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ให้บริหารอาคารทุกภาค ยกเว้นภาคกลาง คือ สำนักงานใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย และบิ๊กคลีนนิ่งให้กับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 700 สาขา ทำให้ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้ของบริษัทนี้โตปีละ 50%”
ปัญหาหลักของธุรกิจคือบุคลากรขาดแคลน จะดึงตัวกันระหว่างบริษัท จึงปรับตัวนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริม และลดจำนวนคน ถ้ายังคงแข่งกันที่คนทำงาน ก็ค่อนข้างหายาก ร่วมมือกับสตาร์ตอัพในเชียงใหม่พัฒนาแอพพลิเคชันขึ้นเกี่ยวกับการแจ้งซ่อม ด้านการเงิน แจ้งมีพัสดุ สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ค่อนข้างมาก
หน้า 27 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3478 วันที่ 13-15 มิถุนายน 2562