ส่อง‘บ้านเก่า-สถานทูต’ซีบีดี

ที่ไพรม์แอร์เรียกลางเมือง ยังมีบ้านเก่า-สถานทูต นับ 10 ดีเวลอปเปอร์จ้องตาเป็นมัน กลับไม่ขาย ยักษ์ใหญ่ปรับแผนจากซื้อเป็นเช่า อนาคตอาจเปลี่ยนใจ

ต้องยอมรับว่าที่ดินใจลางเมืองแพงและหายาก เกิดจาก 1. เจ้าของที่ดินไม่ขาย 2. ราคาเสนอซื้อไม่โดนใจ 3. พัฒนาเต็มพื้นที่ 4. เหลือเฉพาะที่ดินรัฐ ขณะบิ๊กเนม ต้องผลิตชิ้นงานป้อนตลาด และแจ้งผลกำไรต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้หลายค่ายปรับแผนจ้าละหวั่น ดังนั้นการเช่าแทนซื้อจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

“ฐานเศรษฐกิจ”สำรวจพื้นที่ใจกลางเมือง พบว่าพอมีบ้านเก่าแก่และสถานทูตเหลือพอให้เจรจา โดยเฉพาะถนนวิทยุ ถือเป็นแหล่งรวมสถานทูตชั้นนำ ซึ่งผู้ประกอบการจ้องตาเป็นมัน อาทิ สถานทูตอเมริกา เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ กาต้าร์ ยูเครน อาหรับเอมิเรตส์ แอฟริกาใต้ อิตาลี่ บัลแกเรีย ซาอุดีอาระเบีย โปแลนด์ ญี่ปุ่น เป็นต้น รวมๆแล้วว่ากันว่าหลายสิบไร่และหวังว่าจะเดินตามสถานทูตรุ่นพี่ที่ขายไปแล้ว

และกลายเป็นแลนด์มาร์กคนไฮเอนด์คือ สถานทูตอังกฤษ ที่เซ็นทรัล คว้าไปทั้ง 2 แปลงแปลงแรก 9 ไร่ เป็นที่ตั้งห้างเซ็นทรัลเอ็มบาสซีในปัจจุบัน และ 23 ไร่ที่เซ็นทรัลจะพัฒนามิกซ์ยูส จุดประกายที่ดินแพงราคา 2.1 ล้านบาทต่อตารางวา ที่ดินสถานทูตญี่ปุ่น หัวมุมอโศก-เพชรบุรี ค่ายสิงห์เอสเตทกำลังลงเข็มพัฒนาบิ๊กโปรเจ็กต์ เฉือนศุภาลัยแค่ปลายก้อย ล่าสุดถึงคิว ศุภาลัย ที่ได้สถานทูตออสเตรเลียย่านสาทร 7 ไร่เศษไปปักหมุดมิกซ์ยูส เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่สถานทูตอเมริกาและฮอลแลนด์ได้รับคำตอบว่าไม่มีนโยบายขายตอนนี้

ส่วนบ้านเก่า หากเดินนับยังพอมี เช่นซอยหลังสวนพบ บ้านของนายแพทย์ประกอบ ตู้จินดา เนื้อที่ประมาณ 2-3 ไร่ ตรงข้ามกับโครงการสินธรหลังสวน บ้านเก่าของบุคคลทั่วไป ไม่ตํ่ากว่า 2 ไร่ และร้านอาหารเก่า “ครัวในบ้าน” ซึ่งปัจจุบันเป็นที่จอดรถประมาณ 1 ไร่เศษ นอกจากที่ดินที่ค่ายเอสซีแอสเสท คว้าไปในราคา 3.1 ล้านบาทต่อตารางวา
มาที่แยกถนนวิทยุ ตัดกับถนนสารสิน บริษัท เคียนหงวน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ไม่ขายที่ดิน 3 ไร่ แต่ทุบตึก 2 อาคารสร้าง โครงการรอยัลซิมโฟนี่ โรงละครและพื้นที่พาณิชยกรรมขนาดใหญ่ ขณะที่บ้านของ ปัญญาสัย เกตุรายนาค หรือ บ้านเพลินจิต เนื้อที่ 2 ไร่เศษ เป็นบ้านบุคคลทั่วไป อยู่ติดกับโรงแรม โรสวูด ของเอม พินทองทา ชินวัตร และ ได้รับการยืนยันว่า เจ้าของโรงแรมดังกล่าวเจรจาขอซื้อบ้านพร้อมที่ดินแต่ไม่ขาย

วิ่งไปที่ถนนชิดลม พบที่จอดรถบริเวณห้างเซ็นทรัลชิดลม ของตระกูลสุโกศล ทีโอทีเดิมเช่าครบ 20 ปี แล้วไม่ต่อสัญญา 3 ไร่ซึ่งปัจจุบันเป็นอาคารร้างและที่จอดรถ ที่ติดป้ายเช่าและขาย เจ้าของบอกว่าหากสนใจให้เสนอราคามา แต่ฟังนํ้าเสียงแล้วเหมือนไม่อยากขาย รวมทั้งบ้านของนายทหาร ขนาดเนื้อที่ 2 ไร่เศษในซอยชิดลม

ส่วนอาคารวานิสสาชิดลม ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับพื้นที่ สร้างอาคารสำนักงานใหม่ กว่า 3 หมื่นตารางเมตรสูง 22 ชั้นจากเดิมเป็นอาคารเก่า มีคนขอซื้อแต่ยืนยันไม่ขาย แต่ต้องการพัฒนาพื้นที่อาคารสำนักงานให้เช่า รองรับคนทำงานในย่านนี้ ที่มองว่ามีความต้องการสูง

นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) ยอมรับว่า ที่ดินใจกลางเมืองหายาก เนื่องจากเจ้าของไม่ขายหลังเจรจาหลายครั้ง จึงต้องเช่าแทน ล่าสุดเจรจาเช่าที่ดิน 2 แปลง ย่านใจกลางเมือง เพื่อรองรับการพัฒนา หลังเช่าที่ดิน 6 ไร่ ซึ่งเป็นสวนชูวิทย์ ทำเลสุขุมวิท 10 ของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ พัฒนามิกซ์ยูส

[caption id="attachment_130975" align="aligncenter" width="503"] สุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย[/caption]

นายสุรเชษฐ กองชีพ นักวิเคราะห์อสังหาริมทรัพย์ วิเคราะห์ว่าที่ดิน 2 แปลงที่ค่ายแลนด์ เจรจา น่าจะเป็นที่จอดรถของตระกูลสุโกศล ซึ่งเป็นที่จอดรถห้างเซ็นทรัลชิดลมปัจจุบันและที่จอดรถของโรงแรม เลอเนอซอง แปลงละ 3 ไร่ คาดเช่าเพื่อทำออฟฟิศโรงแรม อพาร์ตเมนต์ เนื่องจากนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจต่างชาติมีสูง

อย่างไรก็ดี ที่ดินใจกลางเมืองยังพอมีเหลือให้พัฒนาแต่เป็นบ้านเก่าแก่เหลืออยู่หลาย 10 หลัง อยู่ที่เจ้าของจะยอมปล่อยที่ราคาเท่าใด ขณะที่ ที่ดินที่หลังสวนที่ค่ายเอสซีได้ไป ก็จะเป็นตัวบีบ ให้ที่ดินใกล้เคียงอยากขายที่ราคาสูงกว่า 3 ล้านบาทต่อตารางวา อีกทั้งเจอภาษีที่ดิน ที่จะเป็นตัวบังคับ แต่เจ้าของที่ดินจะโก่งราคาสุดๆก่อน หากผู้ประกอบการอยากได้จริงก็จะสู้ราคาเอง รวมทั้งสถานทูตที่อยู่ในซูเปอร์ไพรม์แอเรีย บนถนนวิทยุกว่า 10 แห่ง แม้วันนี้ ไม่ขาย วันหน้าก็ไม่แน่

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,334 วันที่ 25 - 27 มกราคม พ.ศ. 2561