เขื่อนยกระดับแม่น้ำเจ้าพระยา-น่าน เพิ่มขีดความสามารถด้านการเดินเรือ

11 เม.ย. 2560 | 12:00 น.
อัปเดตล่าสุด :11 เม.ย. 2560 | 20:35 น.
ปัจจุบันรัฐบาลมีความพยายามเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาด้านคมนาคมขนส่งทางนํ้าด้วยการอนุมัติงบประมาณขุดลอกร่องนํ้าเพื่อให้การเดินเรือกินนํ้าลึกได้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่โซนภาคกลางที่ยังมีความสนใจขนส่งสินค้าทางนํ้ากันอย่างแพร่หลายเนื่องจากสามารถขนส่งได้ปริมาณมากและยังช่วยลดต้นทุนได้อีกด้วย

ประกอบกับนับตั้งแต่ปี2551 กรมเจ้าท่าได้นำเสนอให้มีการศึกษาทบทวนความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ วิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างเขื่อนยกระดับนํ้าเพื่อการเดินเรือในแม่นํ้าเจ้าพระยาและน่าน เพื่อพัฒนา ปรับปรุง และขยายขีดความสามารถในการเดินเรือในแม่นํ้าเจ้าพระยาและน่าน โดยการเพิ่มค่าความลึกนํ้าเพื่อการเดินเรือให้เรือกินนํ้าลึกไม่เกิน 3เมตร สามารถแล่นใช้งานได้ตลอดทั้งปี ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ปากแม่นํ้าเจ้าพระยาจนถึงจังหวัดนครสวรรค์และต่อเนื่องไปตามแม่นํ้าน่าน จนถึง อ.ตะพานหินจ.พิจิตร รวมระยะทางตามลำนํ้าทั้งสิ้นประมาณ 477 กิโลเมตรใช้งบลงทุนกว่า 3 หมื่นล้านบาท

โดยแนวทางดำเนินการจะก่อสร้างเขื่อนยกระดับบริเวณที่ลำนํ้ามีความโค้งพอที่จะขุดคลองลัด (Cut off) เพื่อประโยชน์ในการก่อสร้างหัวเขื่อนไว้ ณ จุดบนบก ซึ่งพบว่าจำเป็นต้องก่อสร้างเขื่อนยกระดับจำนวน 2 เขื่อนโดยเขื่อนบนตั้งอยู่ที่ ต.นํ้าทรงอ.พยุหะศีรี จ.นครสวรรค์ บริเวณกม.345 จากปากแม่นํ้าเจ้าพระยาโดยมีระยะห่างจากเขื่อนเจ้าพระยาไปทางด้านเหนือนํ้า ประมาณ 68กม. และ เขื่อนล่าง ตั้งอยู่ที่ต.พระงาม อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรีบริเวณ กม.205 จากปากแม่นํ้าเจ้าพระยา มีระยะห่างจากเขื่อนเจ้าพระยาไปทางด้านท้ายนํ้าประมาณ 72 กิโลเมตร

ในการสร้างเขื่อนยกระดับนํ้าทั้ง 2 จุดจะมี 6 องค์ประกอบสำคัญดังนี้คือ 1.คลองลัด ก่อสร้างไว้ทั้งเขื่อนบนและเขื่อนล่าง รูปแบบเส้นทางนํ้าที่ขุดขึ้นใหม่2.ประตูระบายนํ้าและสะพานรถยนต์สำหรับสัญจร 3.ประตูเรือสัญจร ทำหน้าที่ลำเลียงเรือสัญจรผ่านไปมาระหว่างเหนือนํ้าและท้ายนํ้า 4.ทางผ่านปลา รูปแบบช่องทางสัญจรให้ปลาสามารถเดินทางผ่านขึ้น-ลงระหว่างเหนือนํ้าและท้ายนํ้า 5.ทำนบดินปิดกั้นลำนํ้าเดิมและท่อระบายนํ้า เพื่อช่วยปิดกั้นเส้นทางนํ้าเดิมเพื่อให้นํ้าเกิดการเปลี่ยนเส้นทางไหลเข้าสู่คลองลัดที่ขุดใหม่ และ 6.โรงผลิตไฟฟ้าพลังนํ้า ช่วยผลิตกระแสไฟฟ้า เป็นการใช้ทรัพยากรนํ้าอย่างคุ้มค่า

ทั้งนี้เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมส่วนรวมได้อย่างมาก

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,251วันที่ 9 - 12 เมษายน พ.ศ. 2560