พิพัฒน์ ย้ำวางมือธุรกิจพลังงาน PT ไม่เคยส่งน้ำมันไปลาว-กัมพูชา จ่อฟ้องคนให้ข้อมูลเท็จ

29 ธ.ค. 2568 | 06:45 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ธ.ค. 2568 | 06:49 น.

พิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย โต้ข่าว PT ไม่เคยส่งน้ำมันไปลาว–กัมพูชา ย้ำวางมือธุรกิจพลังงานกว่า 22 ปี ชี้ปล่อยข้อมูลเท็จเจตนากลั่นแกล้งทางการเมือง เตรียมดำเนินคดี

KEY

POINTS

  • นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ปฏิเสธข่าวการส่งน้ำมันไปลาวและกัมพูชา โดยยืนยันว่าตนได้วางมือจากธุรกิจพลังงานมานานกว่า 22 ปีแล้ว
  • บริษัท PTG Energy ยืนยันว่าไม่เคยส่งออกน้ำมันไปยังประเทศดังกล่าว โดยนายพิพัฒน์ เตรียมฟ้องร้องผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จซึ่งเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง

พิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย โต้ข่าว PT ไม่เคยส่งน้ำมันไปลาว–กัมพูชา ย้ำวางมือธุรกิจพลังงานกว่า 22 ปี ชี้ปล่อยข้อมูลเท็จเจตนากลั่นแกล้งทางการเมือง เตรียมดำเนินคดี

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กล่าวหาว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งน้ำมันไปประเทศลาว และถูกนำไปขายต่อยังประเทศกัมพูชา

ล่าสุดนายพิพัฒน์  ชี้แจงว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการค้าหรือการส่งออกน้ำมันตามที่มีการกล่าวหา ตนได้วางมือจากธุรกิจพลังงานตั้งแต่ปี 2546 หรือกว่า 22 ปี และไม่ได้เป็นกรรมการ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารในบริษัทพลังงานใดๆ ในปัจจุบัน

พร้อมกันนี้ บริษัท พีที (PTG Energy) ได้ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า ไม่เคยมีการส่งน้ำมันไปขายยังประเทศลาวหรือประเทศกัมพูชา ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเท็จในโลกออนไลน์แต่อย่างใด

นายพิพัฒน์ ย้ำว่า การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว เป็นการสร้างข้อมูลเท็จ มุ่งหวังให้เกิดความเข้าใจผิด และสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและเกียรติภูมิ ของตนเองอย่างร้ายแรง พร้อมระบุว่า มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้ง และหวังผลทางการเมือง โดยเฉพาะในช่วงที่พรรคภูมิใจไทยกำลังได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากประชาชน ในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง

“ผมยืนยันว่าเป็นข่าวเท็จทั้งหมด ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ตามที่ถูกกล่าวหา ผมพร้อมรับการตรวจสอบตามกระบวนการทางกฎหมายทุกประการและจะดำเนินคดีกับผู้ที่เป็นต้นตอ รวมถึงผู้เผยแพร่ข้อมูลเท็จ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และยืนยันว่าจะไม่ยอมให้การสร้างข่าวเท็จมาทำลายชื่อเสียงเกียรติภูมิของผมได้”นายพิพัฒน์ กล่าว