KEY
POINTS
ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 21 มกราคม 2569 ในคดีที่สมาชิกวุฒิสภายื่นคำร้องกล่าวหา นายภูมิธรรม เวชยชัย และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ว่าใช้อำนาจแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบคดีฮั้วเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โดยการมีมติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ อันอาจเป็นการครอบงำและก้าวล่วงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญได้ดำเนินการไต่สวนพยานบุคคลรวม 6 ปาก ประกอบด้วย
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา
นายภูมิธรรม เวชยชัย
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง
คดีดังกล่าวเป็นคำร้องที่ ประธานวุฒิสภา ส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 42 เพื่อให้พิจารณาว่าความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสองสิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ จากข้อกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
คำร้องระบุว่า การที่ผู้ถูกร้องใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) ให้ดีเอสไอรับคดีฮั้ว สว. เป็นคดีพิเศษ ถือเป็นการแทรกแซงหรือครอบงำการทำหน้าที่ของ กกต. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังถูกมองว่าเป็นการกดดัน ข่มขู่ และกลั่นแกล้งสมาชิกวุฒิสภา อันขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและหลักนิติธรรม
ก่อนการไต่สวน นายภูมิธรรม ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ และได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาลครบถ้วนแล้ว พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ และเชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนด
ภายหลังการไต่สวนเสร็จสิ้นในเวลา 13.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นายภูมิธรรม และ พ.ต.อ.ทวี ยื่นหนังสือแถลงปิดคดีภายในวันที่ 6 มกราคม 2569 จากนั้นศาลจะนัดแถลงผลการพิจารณาด้วยวาจาในวันที่ 21 มกราคม 2569 เวลา 09.30 น. และนัดฟังคำวินิจฉัยในวันเดียวกัน เวลา 15.00 น.
คดีนี้ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากผลคำวินิจฉัยอาจส่งผลโดยตรงต่อสถานะทางการเมืองของผู้ถูกร้อง รวมถึงอาจกลายเป็นบรรทัดฐานสำคัญเกี่ยวกับขอบเขตอำนาจฝ่ายบริหารต่อองค์กรอิสระในการตรวจสอบการเลือกตั้งในอนาคต