KEY
POINTS
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณี นางสาวรัชชร วิไลสกุลยศ ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยว่า การกำหนดนโยบายลดหย่อนภาษีของกระทรวงการคลัง โดยมี นายลวรรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นผู้ถูกร้อง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ
เนื่องจากเห็นว่า โครงการลดหย่อนภาษีที่ใช้อัตราภาษีก้าวหน้า และการนำกฎกระทรวงตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42 (17) มาบังคับใช้ ทำให้ ผู้มีรายได้สูงได้ประโยชน์ทางภาษีมากกว่าผู้มีรายได้น้อย ส่งผลให้ผู้เสียภาษีฐานล่างอย่างผู้ร้องได้รับความเสียหาย ถือเป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 26 มาตรา 27 และมาตรา 62
ผู้ร้องอ้างว่า การดำเนินนโยบายภาษีในลักษณะดังกล่าว ขัดต่อหลักความเป็นธรรมทางภาษี และ หลักความเสมอภาคของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ เพราะมาตรการลดหย่อนหลายโครงการ ส่งผลเชิงโครงสร้างให้ผู้มีรายได้สูง สามารถใช้สิทธิลดภาระภาษีได้มากกว่า ขณะที่ผู้มีรายได้น้อยซึ่งอยู่ในฐานภาษีต่ำ หรือ แทบไม่ต้องเสียภาษีกลับไม่สามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์เหล่านั้นอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงและประเด็นตามคำร้อง เป็นกรณีเดียวกับที่ผู้ร้องเคยนำไปฟ้องต่อศาลปกครองมาก่อน และศาลปกครองกลางมีคำสั่ง ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา ต่อมา ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้น ทำให้คดีดังกล่าว ถึงที่สุดแล้ว
ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่า ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 47 (4) กำหนดว่า ศาลต้องไม่รับคำร้องกรณีที่เป็นเรื่องเดียวกัน หรือ มีประเด็นเดียวกับคดีที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดแล้ว และเมื่อพิจารณาประกอบกับ มาตรา 46 วรรคสาม ซึ่งบัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจ สั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ในกรณีต้องห้ามดังกล่าว จึงเห็นว่า
ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ด้วยเหตุนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย เป็นอันยุติคดี