บทเรียนจากเกาหลีใต้ : เมื่อ กกต. เข้มแข็ง การเลือกตั้งจึงโปร่งใส-ตรวจสอบได้

17 ธ.ค. 2568 | 03:41 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ธ.ค. 2568 | 03:42 น.

บทความพิเศษ ศ.ดร.อรรถกฤต ปัจฉิมนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย เรื่อง บทเรียนจากเกาหลีใต้ : เมื่อ กกต. เข้มแข็ง การเลือกตั้งจึงโปร่งใสและตรวจสอบได้ ถอดบทเรียนประเด็นการเลือกตั้งจากประสบการณ์ของเกาหลีใต้

KEY

POINTS

  • ความสำเร็จของการเลือกตั้งที่โปร่งใสในเกาหลีใต้มีปัจจัยสำคัญคือ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีความเป็นอิสระ เข้มแข็ง และมีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
  • กกต. เกาหลีใต้ทำหน้าที่เชิงรุกในการกำกับดูแลความสุจริตทั้งหมด ตั้งแต่การควบคุมค่าใช้จ่ายหาเสียง การตรวจสอบแหล่งเงินทุน ไปจนถึงการลงโทษผู้กระทำผิดโดยไม่ถูกการเมืองแทรกแซง
  • ระบบที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ของเกาหลีใต้ส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ซึ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจในกระบวนการเลือกตั้ง

ศ.ดร.อรรถกฤต ปัจฉิมนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยบทความพิเศษเรื่อง บทเรียนจากเกาหลีใต้ : เมื่อ กกต. เข้มแข็ง การเลือกตั้งจึงโปร่งใสและตรวจสอบได้ มีเนื้อหาที่น่าสนใจว่า 

ท่ามกลางการถกเถียงเรื่องความโปร่งใสของกระบวนการเลือกตั้งในประเทศไทย หลายฝ่ายเริ่มหันมาศึกษาประสบการณ์ของต่างประเทศ โดยเฉพาะเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่สามารถยกระดับความน่าเชื่อถือของการเลือกตั้งและลดปัญหาคอร์รัปชันทางการเมืองลงได้อย่างเป็นรูปธรรม

หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือบทบาทของ คณะกรรมการการเลือกตั้งเกาหลีใต้ หรือ National Election Commission (NEC) ที่มีอำนาจ หน้าที่ และความเป็นอิสระอย่างชัดเจน

คณะกรรมการการเลือกตั้งของเกาหลีใต้ทำหน้าที่มากกว่าการจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปตามกำหนดเวลา หากแต่เป็นกลไกหลักในการกำกับดูแลความสุจริตเที่ยงธรรมของกระบวนการเลือกตั้งทั้งหมด

ตั้งแต่การควบคุมการใช้จ่ายในการหาเสียง การตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินทุน ไปจนถึงการบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งอย่างเข้มงวด การใช้เงินหาเสียงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือการให้ผลประโยชน์แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ถือเป็นความผิดร้ายแรงที่มีบทลงโทษชัดเจนและบังคับใช้จริง

จุดเด่นของระบบเกาหลีใต้ คือ ความเป็นอิสระของ กกต. จากฝ่ายการเมือง คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่ได้ขึ้นตรงต่อรัฐบาลหรือฝ่ายบริหาร ทำให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบผู้สมัครและพรรคการเมืองได้โดยไม่ถูกแทรกแซง การตัดสินใจของ NEC จึงได้รับความเชื่อถือจากสังคมในฐานะองค์กรอิสระที่ทำหน้าที่เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชน

นอกจากนี้ NEC ยังให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลและการมีส่วนร่วมของประชาชน ผ่านระบบข้อมูลออนไลน์ที่ประชาชนสามารถตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการหาเสียง รายละเอียดผู้สมัคร และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้งได้อย่างสะดวก บทบาทดังกล่าวทำให้ประชาชนไม่ได้เป็นเพียงผู้ไปใช้สิทธิในวันเลือกตั้ง แต่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตรวจสอบความโปร่งใสตลอดทั้งกระบวนการ

 

ศ.ดร.อรรถกฤต ปัจฉิมนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย

 

ในทางปฏิบัติ เกาหลีใต้ได้แสดงให้เห็นว่า การบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้งอย่างเสมอภาคเป็นกลไกสำคัญในการสร้าง “ต้นทุนการโกง” ให้สูงขึ้น นักการเมืองระดับสูง รวมถึงอดีตผู้นำประเทศ เคยถูกดำเนินคดีจากการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจโดยมิชอบ ซึ่งส่งผลให้ระบบการเมืองโดยรวมเกิดแรงยับยั้งต่อการทุจริตอย่างเป็นรูปธรรม

เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่น้อยเห็นตรงกันว่า ความท้าทายสำคัญไม่ได้อยู่ที่การขาดกฎหมายหรือองค์กรกำกับดูแล หากแต่อยู่ที่ความเข้มแข็งในการบังคับใช้และความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบการเลือกตั้ง

บทเรียนจากเกาหลีใต้ ชี้ให้เห็นว่า การทำให้การเลือกตั้งสะอาดไม่ใช่เรื่องของศีลธรรมส่วนบุคคล แต่เป็นผลลัพธ์ของการออกแบบสถาบันที่ชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้

ท้ายที่สุด ประสบการณ์ของเกาหลีใต้ สะท้อนว่า เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งมีความเป็นอิสระ ทำหน้าที่เชิงรุก และได้รับการสนับสนุนจากสังคม การเลือกตั้งย่อมไม่ใช่เพียงพิธีกรรมทางการเมือง แต่เป็นกระบวนการที่สร้างความไว้วางใจและเป็นรากฐานของประชาธิปไตยที่เข้มแข็งอย่างแท้จริง