ผวา ‘ทุนเทา’ ยึดเลือกตั้ง กลืนประเทศเบ็ดเสร็จ คอร์รัปชันทำ GDP ไทยทรุด

17 ธ.ค. 2568 | 01:43 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ธ.ค. 2568 | 01:52 น.

การเลือกตั้งครั้งสำคัญปี 2569 ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยวิกฤต คาด GDP ตกอันดับในอาเซียน อาจถูก ‘ทุนเทา’ ครอบงำการเมือง ก่อให้เกิดการซื้อเสียงราคาสูงสุดในประวัติศาสตร์ สร้างความกังวลว่าการเมืองสีเทาจะเข้ามาคุมประเทศ ทำให้ประเทศไทยสูญเสียอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมือง

KEY

POINTS

  • ภาคเอกชนและองค์กรต้านคอร์รัปชันแสดงความกังวลว่ากลุ่ม "ทุนเทา" จะใช้การเลือกตั้ง สส. ปี 2569 เป็นช่องทางในการฟอกเงินและเข้าครอบงำการเมืองเพื่อควบคุมประเทศ
  • มีการคาดการณ์ว่าการซื้อเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้จะพุ่งสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่เปิดทางให้ "การเมืองสีเทา" เข้ามามีอิทธิพล
  • การเลือกตั้งครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นเดิมพันสำคัญในการหยุดยั้งอำนาจมืดและรักษาเอกราชทางเศรษฐกิจของชาติ ทำให้หลายภาคส่วนร่วมรณรงค์เพื่อการเลือกตั้งที่โปร่งใส

 

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ทั่วไป ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเห็นชอบจัดการเลือกตั้งโดยกำหนดให้มีขึ้นใน วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ได้ถูกยกระดับเป็นเดิมพันสำคัญที่สุดของประเทศ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่ “ติดหล่ม” และความเสี่ยงจากการเข้าแทรกแซงของ “ทุนเทา” หรือ “ทุนสีดำ”

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไร้เสถียรภาพและอยู่ในโซนต่ำอย่างต่อเนื่อง ภาคเอกชนมองว่าปัญหาใหญ่ที่สุดของประเทศในเวลานี้คือ คอร์รัปชัน ซึ่งเป็นปัญหาระดับโครงสร้างที่บ่อนทำลายความสามารถในการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญ

หากประเทศไทยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่มีนัยสำคัญ คาดการณ์ของ IMF ชี้ว่า อันดับ GDP ของไทยในภูมิภาคนี้ (ปัจจุบันอยู่อันดับ 2) จะตกลงไปอยู่อันดับที่ 5 ภายในปี 2030 โดยสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการที่ ทุนเทา หรือทุนสีดำเข้ามาครอบงำการเมืองผ่านช่องทางต่าง ๆ

“ทุนเทาเหล่านี้เริ่มมีสัญญาณชัดเจนในการใช้การเลือกตั้งเป็นกลไกสำคัญในการฟอกเงินและแสวงหาอำนาจทางการเมือง และหากทุนเหล่านี้สามารถเข้าไปครอบงำพรรคการเมืองและกำหนดนโยบายประเทศได้ ประเทศไทยจะเปลี่ยนเป็นสีเทาและสีดำอย่างถาวร การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็น ทางเดียวที่จะช่วยทำให้เราสามารถรักษาความเป็นเอกราชทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้”

เอกชนฝันถึงรัฐบาล “มือสะอาด” แก้ปากท้องเร่งด่วน

ภาคเอกชนเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่ต้องมาจากกระบวนการเลือกตั้งที่โปร่งใส และต้องประกอบด้วยบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์จริง และที่สำคัญคือ “มือสะอาด” ทำงานเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง โดยไม่ยึดติดกับโควตาทางการเมืองเพียงอย่างเดียว

นายเกรียงไกรระบุว่า ภารกิจเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ทั้งเรื่อง หนี้ภาคครัวเรือนที่สูงมากเกือบ 90% ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และการเข้ามาของสินค้าที่ขายต่ำกว่าต้นทุน ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่อนทำลายอุตสาหกรรมและ SMEs ไทย หากได้รัฐบาลที่มาจากทุนเทา หรือมีเป้าหมายเพื่อการครอบงำ จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เศรษฐกิจไทยถดถอยในระยะยาว

“การเลือกตั้ง สส. 2569 ที่กำลังจะมาถึง จึงไม่ใช่เพียงการลงคะแนนเพื่อหาตัวแทน แต่เป็นการลงคะแนนเพื่อหยุดยั้งอำนาจมืดและรักษาอนาคตและเอกราชทางเศรษฐกิจของชาติไว้ด้วยมือของประชาชนเอง” นายเกรียงไกร กล่าว

ACT เตือน “ซื้อเสียง” พุ่งสูงสุดในประวัติศาสตร์ เปิดทาง “การเมืองสีเทา”

ด้าน ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT แสดงความกังวลว่า สถานการณ์การซื้อเสียงในแต่ละครั้งของการเลือกตั้งใหญ่มีแนวโน้มที่ราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมาก เหตุผลที่น่ากังวลเป็นพิเศษคือ ในปีนี้จะมีการเลือกตั้งใหญ่ระดับประเทศถึง 2 ครั้งด้วยกัน ได้แก่ การเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งทำให้คาดการณ์ได้ว่าการซื้อเสียงจะเกิดขึ้นมากกว่าครั้งที่ผ่านมา

ข้อมูลจากการสำรวจความเห็นของประชาชนที่ ACT ได้ดำเนินการมาแล้ว 2 ครั้ง ยืนยันถึงความกังวลดังกล่าว โดยพบว่า 70% ของประชาชน ที่ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าการซื้อเสียงจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนและจะกระจายไปทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน มีประชาชนเพียงประมาณ 20-27% เท่านั้นที่เชื่อว่าการซื้อเสียงจะเกิดขึ้นในพื้นที่จำกัด ดร.มานะ ย้ำว่า แม้ราคาของการซื้อเสียงจะไม่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ แต่ราคานี้กลับมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นและสูงขึ้นในทุกการเลือกตั้งใหญ่

“ทุกครั้งที่ประเทศมีการเลือกตั้ง มักจะมีคำพูดหนึ่งที่ลอยมาให้ได้ยินอยู่เสมอคือ เงินไม่มา กาไม่เป็น คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นว่ากำลังจะมีการซื้อเสียงครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป จะส่งผลให้การเมืองไทยและประเทศไทยเองตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของบุคคลที่ไม่พึงปรารถนา เช่น นักการเมืองที่ไม่ดี พวกบ้านใหญ่ พวกสแกมเมอร์ หรือพวกสีเทา คนเหล่านี้จะเข้ามาครอบงำประเทศ และท้ายที่สุดจะทำให้บ้านเมืองและประชาชนต้องเดือดร้อน” ดร.มานะ ระบุ

เช่นเดียวกับ ร.อ. ดร. จารุพล เรืองสุวรรณ รองผู้อำนวยการวิทยาลัยการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า ได้กล่าวเสริมถึงภัยของ “ทุนเทา” ว่าเป็นเรื่องน่ากลัว เพราะสามารถนำไปสู่การ “เสกสรรพทรัพย์” ได้ง่าย และมีอิทธิพลต่อทั้งพรรคการเมืองและประชาชน

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ เนชั่น กรุ๊ป ร่วมกับภาคีเครือข่ายสำคัญ อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และ 4 สถาบันวิชาการชั้นนำ เปิดตัวโครงการ “Nation Election 2569 : จุดเปลี่ยนประเทศไทย” เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบและรณรงค์ให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริต โปร่งใส ภายใต้แนวคิด “Clean Election”

นายฉาย ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนชั่น กรุ๊ป กล่าวว่า ในปี 2569 เป็นปีแห่งการเลือกตั้งเริ่มตั้งแต่การเลือกตั้งใหญ่โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ. 2569 ต่อมาเป็นการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. ตามมาด้วยการเลือกตั้ง นายกฯเมืองพัทยา และ อบต.ต่าง ๆ

“การเลือกตั้งถือเป็นหัวใจและสัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตย เป็นกระบวนการให้ประชาชนไปใช้สิทธิของตนเองเพื่อกำหนดทิศทางประเทศ เครือเนชั่น กรุ๊ป ซึ่งอยู่เคียงข้างสังคมไทยมา 55 ปี ในฐานะสื่อเราอยากทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง นำพาข้อมูลสาระที่เป็นประโยชน์ออกสู่ประชาชน อยู่เคียงข้างประชาชนทุกเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมือง

การเลือกตั้งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องยอมรับว่า มีปัญหามากมายในประเทศของเรา ทั้งปัญหาเศรษฐกิจที่ใช้คำว่า “ติดหล่ม” อยู่นาน ทั้งเรื่องการพัฒนา เรื่องของตัวเลข GDP เรื่องของปัญหาเงินฝืดต่างๆ รวมถึงปัญหาความขัดแย้งชายแดนยังไม่รวมสงครามการค้าต่าง ๆ ที่รุมเร้าเข้ามา

อีกด้านหนึ่ง คือ ปัญหาด้านสังคมที่ปัญหาความเหลื่อมล้ำต่าง ๆ ก็สอดคล้องกัน การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เป็น 3 มิติที่เชื่อมโยงกัน ปัญหาทั้งหมดเริ่มจากพรรคการเมือง ปัญหาทางการเมืองที่อ่อนแอ เพราะว่า 2 ปีที่ผ่านมา เปลี่ยนนายกฯไป 3 คน เหมือนกับ นายกฯเป็นวัสดุสิ้นเปลือง ใช้แล้วเปลี่ยนหรือไม่

“สิ่งที่เราอยากรณรงค์ในการเลือกตั้ง นอกเหนือจากนำพาข้อมูลข่าวสารออกสู่ประชาชน อยากรณรงค์ร่วมกันให้การเมืองรอบนี้ เป็นการเลือกตั้งที่สุจริต โปร่งใส สะอาด ตามคอนเซ็ปต์ที่พวกเราวางไว้ คือ “Clean Election” เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย จะเป็นจุดเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น

เครือเนชั่น กรุ๊ป และภาคีต่าง ๆ ที่มาร่วมกันในวันนี้เราเตรียมตัวมานานในการเตรียมงานวันนี้แต่คิดว่าเราร่วมกันนำพาข้อมูลสาระที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชนตัดสินใจเข้าคูหาในการลงคะแนนครั้งนี้ พร้อมร่วมกันปลูกจิตสำนึกและร่วมกันสร้างการเมืองสุจริตไปด้วยกัน” นายฉาย กล่าวและว่า

ในเดือน ก.พ. เราอาจเป็นแค่ 1 เสียง 1 สิทธิ แต่คิดว่าเพียงพอที่จะร่วมกันแสดงสิทธิและเสรีภาพในการเลือกตั้งกำหนดอนาคตของพวกเราโดยสร้างการเมืองที่โปร่งใสไปด้วยกันพร้อมกันนี้ฝากให้ติดตามสื่อในเครือเนชั่นโดยกอง บก.เราทุกสื่อในเครือรวมถึงทีมผลิตต่าง ๆ ตั้งใจสร้างสรรค์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สูงสุดให้กับพี่น้องประชาชนในการตัดสินใจครั้งนี้

ขณะที่นักวิชาการจากสถาบันพระปกเกล้าและสถาบันสัญญาธรรมศักดิ์ฯ มองว่า สื่ออย่างเนชั่นทำหน้าที่เป็นสะพาน ในการเชื่อมโยงองค์ความรู้เชิงลึกที่มักเป็นเหมือนยาขม ไปสู่สาธารณะ นอกจากนี้ ยังจะมีการใช้เครือข่ายนักศึกษาทั่วประเทศเป็นหัวใจสำคัญในการปลูกฝังการต่อต้านการทุจริตและการให้ข้อมูลแก่ประชาชน

โดย รศ.ดร.ณัฐพงศ์ บุญเหลือ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเป็นตลาดวิชา ก็พร้อมใช้ศูนย์บริการ 23 แห่งทั่วประเทศในการเป็นสะพาน เชื่อมโยงข้อมูลวิชาการสู่สาธารณะ 

กกต. เคาะไทม์ไลน์ปลายปี 68 สู่การเลือกตั้ง 69

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีมติเห็นชอบแผนการจัดการเลือกตั้ง สส. หลังพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรมีผลบังคับใช้ โดยกำหนดให้การเลือกตั้งทั่วไปมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569,

ขณะเดียวกัน กกต. ยังได้กำหนดวันและเวลาสำคัญสำหรับการเตรียมการเลือกตั้ง โดยจะเปิดรับสมัคร สส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้งในวันที่ 27 -31 ธันวาคม 2568 และเปิดรับสมัคร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมแจ้งรายชื่อบุคคลที่จะแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 28-31 ธันวาคม 2568

สำหรับประชาชนที่ต้องการใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า สามารถลงทะเบียนขอใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 5 มกราคม 2569 และวันเลือกตั้งล่วงหน้ากำหนดไว้ในวันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2569