เนชั่นกรุ๊ป คิกออฟ 'Nation Election: จุดเปลี่ยนประเทศไทย' เกาะติดเลือกตั้ง 69

ประเทศไทยเข้าสู่โหมดของการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้ง โดย "เนชั่นกรุ๊ป" ที่ประกอบด้วย 10 สื่อ พร้อมด้วยภาคีพันธมิตร อาทิ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน(ประเทศไทย) สถาบันพระปกเกล้า สถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยรามคำแหง ร่วมแถลงข่าวโครงการ "Nation Election : จุดเปลี่ยนประเทศไทย" เพื่อกำหนดบทบาทและแนวทางการทำงานของสื่อในเครือที่จะเกิดในห้วงเวลาของการเลือกตั้งใหญ่นับจากนี้

นำโดยคณะผู้บริหาร "เนชั่น กรุ๊ป" นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนชั่น กรุ๊ป พร้อมด้วยนายสมชาย มีเสน รองประธานกรรมการบริหาร เนชั่น กรุ๊ป นายบากบั่น บุญเลิศ รองประธานกรรมการบริหาร เนชั่น กรุ๊ป และนายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการอำนวยการ เนชั่น กรุ๊ป

นายฉาย ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนชั่น กรุ๊ป กล่าวว่า ในปี 2569 เป็นปีแห่งการเลือกตั้งเริ่มตั้งแต่การเลือกตั้งใหญ่โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ. 2569 ต่อมาเป็นการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. ตามมาด้วยการเลือกตั้ง นายกฯเมืองพัทยา และ อบต.ต่าง ๆ 

"การเลือกตั้งถือเป็นหัวใจและสัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตย เป็นกระบวนการให้ประชาชนไปใช้สิทธิของตนเองเพื่อกำหนดทิศทางประเทศ เครือเนชั่น กรุ๊ป ซึ่งอยู่เคียงข้างสังคมไทยมา 55 ปี ในฐานะสื่อเราอยากทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง นำพาข้อมูลสาระที่เป็นประโยชน์ออกสู่ประชาชน อยู่เคียงข้างประชาชนทุกเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมือง 

การเลือกตั้งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องยอมรับว่า มีปัญหามากมายในประเทศของเรา ทั้งปัญหาเศรษฐกิจที่ใช้คำว่า "ติดหล่ม" อยู่นาน ทั้งเรื่องการพัฒนา เรื่องของตัวเลข GDP เรื่องของปัญหาเงินฝืดต่าง ๆ รวมถึงปัญหาความขัดแย้งชายแดนยังไม่รวมสงครามการค้าต่าง ๆ ที่รุมเร้าเข้ามา

อีกด้านหนึ่ง คือ ปัญหาด้านสังคมที่ปัญหาความเหลื่อมล้ำต่าง ๆ ก็สอดคล้องกัน การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เป็น 3 มิติที่เชื่อมโยงกัน ปัญหาทั้งหมดเริ่มจากพรรคการเมือง ปัญหาทางการเมืองที่อ่อนแอ เพราะว่า 2 ปีที่ผ่านมา เปลี่ยนนายกฯไป 3 คน เหมือนกับ นายกฯเป็นวัสดุสิ้นเปลือง ใช้แล้วเปลี่ยนหรือไม่ 

"สิ่งที่เราอยากรณรงค์ในการเลือกตั้ง นอกเหนือจากนำพาข้อมูลข่าวสารออกสู่ประชาชน อยากรณรงค์ร่วมกันให้การเมืองรอบนี้ เป็นการเลือกตั้งที่สุจริต โปร่งใส สะอาด ตามคอนเซ็ปต์ที่พวกเราวางไว้ คือ "Clean Election" เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย จะเป็นจุดเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น

เครือเนชั่น กรุ๊ป และภาคีต่าง ๆ ที่มาร่วมกันในวันนี้เราเตรียมตัวมานานในการเตรียมงานวันนี้แต่คิดว่าเราร่วมกันนำพาข้อมูลสาระที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชนตัดสินใจเข้าคูหาในการลงคะแนนครั้งนี้ พร้อมร่วมกันปลูกจิตสำนึกและร่วมกันสร้างการเมืองสุจริตไปด้วยกัน" นายฉาย กล่าวและว่า

ในเดือน ก.พ. เราอาจเป็นแค่ 1 เสียง 1 สิทธิ แต่คิดว่าเพียงพอที่จะร่วมกันแสดงสิทธิและเสรีภาพในการเลือกตั้งกำหนดอนาคตของพวกเราโดยสร้างการเมืองที่โปร่งใสไปด้วยกันพร้อมกันนี้ฝากให้ติดตามสื่อในเครือเนชั่นโดยกอง บก.เราทุกสื่อในเครือรวมถึงทีมผลิตต่าง ๆ ตั้งใจสร้างสรรค์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สูงสุดให้กับพี่น้องประชาชนในการตัดสินใจครั้งนี้

ด้านนายสมชาย กล่าวว่า หน้าที่สื่อไม่ว่าที่เมืองไทยหรือต่างประเทศเวลาเลือกตั้งทำ 3 เรื่อง คือ 1.นำข้อเท็จจริง รายงานเหตุการณ์ โดยสื่อต้องไม่มีอคติ (Bias) แม้ว่าจะชอบพรรคไหน ไม่ชอบพรรคไหน แต่เวลาออกในสื่อต้องถูกต้อง 2.ในฐานะสื่อต้องตรวจสอบการเลือกตั้ง เราอยากทำ Clean Election การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม แม้จะเชื่อว่า ไม่มี โดยเฉพาะมีอำนาจนอกระบบและบ้านใหญ่ที่คุม กกต.ไปด้วย คิดว่ามันจะโปร่งใสหรือไม่แต่ในฐานะสื่อจะไม่ย่อท้อเรื่องการตรวจสอบ การเปิดเผยความจริง การทำงานขององค์กรอิสระ เราทำหน้าที่ของเรา 

3.หน้าที่ของสื่อ คือ การทำวิเคราะห์ว่าใครจะมาจัดตั้งรัฐบาลนำพาประเทศต่อไป ทำผิดจากสัญญาประชาคมหรือไม่ เราต้องส่งเสริมให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิให้มากโดยประชาชนมีสิทธิเลือกตั้งราว 50 ล้านคน ซึ่งทุก ๆ ครั้งมาใช้สิทธิราว 42 ล้านเสียงแต่จะทำอย่างไรที่จะให้ประชาชนมาเพิ่มขึ้นประมาณ 45 ล้านเสียงมาใช้สิทธิ มองว่า ถ้าคนเพิ่มอีกประมาณ 4-5 ล้านคน ทำให้การคำนวณซื้อเสียงผิดพลาด หน้าที่เราคือการทำเรื่องเหล่านี้

ขณะที่ นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการกำหนดชะตากรรมของประเทศ เห็นด้วยที่มีการพูดว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการโกงอย่างมโหฬาร ไม่ต้องหาหมอดู ทั้งใช้เงิน ใช้กลไกรัฐ และใช้องค์กรอิสระ เป็นภารกิจหลักขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชันและภาคีเอกชนต่าง ๆ ครั้งนี้เห็นว่า ถ้าต้องการทำประชามติ 60 วันพร้อมกับวันเลือกตั้ง กำหนดวันจันทร์-อังคารก็ได้ เพราะกำหนด 8 ก.พ.ไม่ทัน ต้องเลื่อนไปอีก 2 วันให้ครบ 60 วัน ดังนั้น การเลือกตั้งวันธรรมดาโอกาสคนใช้สิทธิจะน้อยลง จาก 40-50 ล้านคน อาจเหลือ 35 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวแปรคะแนนได้หมด

"การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นที่มาของจุดเปลี่ยน หลายคนบอกว่า ตั้งแคมเปญจุดเปลี่ยนจะเปลี่ยนได้จริงหรือไม่ มองว่า แม้จะเป็น 0.01% ทุกคนต้องมีความหวัง ถึงแม้จะเป็น 0.01% เราหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะกำหนดชะตากรรมประเทศเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ" นายวีระศักดิ์ กล่าว

ส่วนที่บอกให้จับตาการโกงครั้งนี้เนื่องจากมีตัวแปรทั้งภายนอกและตัวแปรภายในรุนแรงมาก สำหรับตัวแปรภายนอกนั้น อาทิ ภาวะเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา เป็นปัจจัยตัวแปรภายนอกซึ่งไม่ใช่ไทย-กัมพูชาแต่ยังมีมหาอำนาจมากดดันเราด้วยซึ่งจะส่งผลต่อชะตากรรมประเทศ รวมถึงการกดดันเรื่องการเลือกตั้งด้วย มีหลายครั้งในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งไทยที่มหาอำนาจมีส่วนอยู่เบื้องหลังกำหนดรัฐบาล ดังนั้น เหตุการณ์ครั้งนี้มาจากปัจจัยข้างนอกที่มีความรุนแรงมาก  

สำหรับปัจจัยภายในที่สะท้อนว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ คือ การช่วงชิงของขั้วอำนาจ 2-3 ขั้วที่รุนแรงมาก ๆ ที่แพ้กันไม่ได้ เราเห็นว่า คนพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้ติดคุก ครั้งนี้ชนชั้นนำในประเทศเล่นกันหนักมาก เมื่อก่อนชนชั้นนำเวลาทะเลาะกันหนัก ๆ อาจประนีประนอม จูบปากกัน ส่วนคนเสียหายที่สุด คือ ประชาชน หญ้าแพรกแหลกลาญ แต่ครั้งนี้เหมือนชนชั้นนำเล่นกันหนัก การได้มาซึ่งอำนาจเป็นปัจจัยที่เขาต้องกุมให้ได้ พลาดไม่ได้ ต้องทำทุกวิถีทางให้ได้มาซึ่งอำนาจ หรืออาจไม่มีการเลือกตั้งด้วยซ้ำไป ดังนั้น ใครต้องการกุมอำนาจต่อ อะไรที่นำไปสู่การกุมอำนาจต่อ จะเลือกตั้งก็ได้ถ้าคุมเกมได้ หรือไม่เลือกตั้งก็ได้ถ้าคุมเกมได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น มันรุนแรงมาก 

ด้านนายบากบั่น กล่าวว่า เจตนารมณ์สำคัญที่สุดของเนชั่น กรุ๊ป ซึ่งมีสื่ออยู่ร่วม 10 สื่อในการทำหน้าที่ครั้งนี้ เชื่อว่า ระบอบประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้งน่าจะเป็นระบอบที่เลวร้ายน้อยที่สุดและเมื่อถึงห้วงเวลาของประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยออกไปใช้สิทธิเพื่อให้ตัวแทนออกไปทำหน้าที่ เราเห็นภาพเรื่องหนึ่งว่า การเลือกตั้งแต่ละครั้งนำพาประเทศไปด้วยความหวังแต่เมื่อพ้นการเลือกตั้งความหวังเหล่านั้นจะไม่อยู่ในมือของประชาชน ผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย เป็นอำนาจของตัวแทน เราจึงจัดทำโครงการขึ้นมาในฐานะองค์กรสื่อจะทำหน้าที่อย่างไรในการเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง

เราตกผลึกร่วมกัน มือเดียวไม่สามารถหักล้างหรือเปลี่ยนแปลงได้ แต่เชื่อมั่นว่า หลายมือมาร่วมมือกัน มีเจตนารมณ์ร่วมกันปรับเปลี่ยนประเทศไทย แม้น้อยนิดแต่ทรงพลัง เราต้องจุดประกาย ถ้าไม่จุดไฟ ใครจะเป็นผู้จุด ในยามที่สังคมมืดมิด ต้องการแสงสว่าง ใครจะเป็นผู้กล้าหาญ เดินไปจุดไฟให้เกิดแสงสว่าง ให้เกิดความหวัง ให้ทุกคนมองเห็นว่า มิติข้างหน้ามีโอกาสที่ดีกว่า

สื่อในนามเนชั่นทั้งเครือ ตกลงกันว่า จะเป็นผู้จุดไฟ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของประเทศ ภายใต้คอนเซปต์จะรณรงค์ร่วมกันให้ข้อมูลข่าวสาร ให้องค์ความรู้ ให้แนวคิดว่า ด้วยเรื่องของการเลือกตั้งที่สะอาด ต้องการให้ Nation Election เป็น Election Clean หวังว่า นักเลือกตั้ง ประชาชน และพรรคการเมือง จะมองเห็นบริบทเหล่านี้ ต้องการเห็นการเมืองโปร่งใส ต้องการเห็นผู้ที่ดำรงตำแหน่ง อาสาทำงานการเมือง มีความรับผิดชอบ ต้องการเห็นกลไกของรัฐบาล ต้องการเห็นกลไกของพรรคการเมือง เปิดทางให้ทุกสังคม ทุกอณูตรวจสอบได้ ความคาดหวังเหล่านี้ เป็นความคาดหวังในอากาศ ถ้าเราไม่ร่วมมือทำ

"เจตนารมณ์ที่คุณฉายประกาศเป็นจุดยืนของการเมืองที่ใสสะอาด เกิดขึ้นโดยเนชั่นไม่ได้เลย เราเพียงแค่เป็นผู้นำสาร เป็นเพียงคนจุดประกายตรวจสอบการทำงาน องค์กรนำข้อความปัญหาเหล่านั้นรายงานผลให้ประชาชนรับทราบ พลังของสังคมมารวมกันให้เราทำหน้าที่อย่างมืออาชีพ

นำสารผ่านสื่อของเนชั่นไปยังประชาชนให้เห็นภาพ จะมีพลังมากถ้าทุกองค์กรมารวมพลังกันทำให้การเมืองที่ประชาชนเห็นมาร่วม 90 กว่าปีเป็น "การเมืองที่กินได้" ไม่ใช่การเมืองอยู่ในอำนาจตัวแทนแล้วไปถกเถียงแย่งชิงอำนาจกัน แล้วอ้างประชาชนเป็นตัวประกัน เจตนารมณ์และความคาดหวังของกลุ่มเนชั่นจะไม่เป็นมักผลถ้าพันธมิตรและประชาชนที่ติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านเครือเนชั่น ไม่มารวมพลังกับพวกเราเพื่อสังคมที่ดีกว่า" นายบากบั่น กล่าว

ทั้งนี้ สื่อเครือเนชั่น ไม่เพียงรณรงค์อย่างเดียวมุ่งเน้นทำการเมืองปลุกสำนึกประชาชนเราจะมีเวทีสัญจรเพื่อนำพาพรรคการเมือง นำพาผู้ที่อาสาสมัครจะมาลงเป็นผู้แทนไปพบปะประชาชน มีเวทีภาคเหนือ กลาง อีสาน ใต้ ตะวันออก และเวทีสุดท้ายที่ กทม. นอกจากนี้รูปแบบรายการจะมีการปรับเพื่อตอบรับกับการเลือกตั้ง ไม่เพียงเปิดทางให้ผู้เลือกตั้งมาแสดงวิสัยทัศน์

ต้องการเห็นสังคมองค์กรต่าง ๆ มาร่วมกันปลุก ร่วมกันขับเคลื่อนแนวคิดผ่านสื่อของเราซึ่ง เนชั่นทีวี เป็นกลไกหลัก คิดว่าควรมีสภากาแฟ เป็น Nation Election จุดเปลี่ยนประเทศไทย Special ทุกวันศุกร์จะมาพูดคุยกัน เปิดทางให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสารและได้ตัดสินใจ

"เรายังต้องการอีกเรื่องหนึ่ง คือ ภาคีเครือข่ายทั่วประเทศไทยรวมกับเนชั่น รณรงค์กันผ่านสื่อให้การเมืองที่เป็น Nation Election เป็นการเมืองสีขาว แม้ชีวิตจริงจะไม่ขาว ชีวิตคนเมื่อเดินบนเส้นทางจะมีทั้งดำ ขาวเทา แต่นี่ คือ ชีวิตที่น่าจะดีกว่าการปล่อยให้ดำและเทาครองเมืองเป็นเจตนารมณ์ร่วมกันผ่านเนชั่นเพื่อขับเคลื่อนเรื่องนี้"