DSI สั่งตรวจสอบพยานคดีฮั้ว สว. กลับคำให้การ อ้างถูกข่มขู่

11 พ.ย. 2568 | 10:39 น.
อัปเดตล่าสุด :11 พ.ย. 2568 | 10:49 น.

อธิบดี DSI สั่งตรวจสอบกรณีพยานคดีฮั้ว สว. ยื่นหนังสือขอกลับคำให้การ อ้างก่อนหน้านี้ถูกข่มขู่ให้ให้การเท็จ ย้ำยึดหลักความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

KEY

POINTS

  • พยานในคดีฮั้วเลือกตั้ง สว. ได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดี DSI เพื่อขอ “กลับคำให้การ”
  • พยานอ้างว่า คำให้การเดิมเป็นผลมาจากการถูกข่มขู่ให้กล่าวเท็จ และได้แจ้งความไว้แล้ว
  • อธิบดี DSI ได้มีคำสั่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนโดยเร่งด่วน

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยถึงกรณีที่ปรากฏข่าวและภาพทางสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ว่า มีพยานในคดีฮั้วการเลือกตั้งวุฒิสภา (ฮั้ว สว.) ได้ยื่นหนังสือถึงอธิบดี DSI ขอ “กลับคำให้การ” โดยอ้างว่า คำให้การก่อนหน้านี้เกิดจากการถูกข่มขู่ให้กล่าวเท็จ

โดยเอกสารดังกล่าวลงวันที่ 29 ตุลาคม 2568 และมีการรับเรื่องไว้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ระบุว่า ผู้ให้การรายนี้เคยเป็นพยานในคดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการฮั้ว สว. ซึ่งมี “บุคคลบางรายและกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองแห่งหนึ่ง” ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนสนับสนุนให้บุคคลต่าง ๆ ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยใช้ “โพยฮั้ว” เพื่อกำหนดคะแนนล่วงหน้าให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริตและไม่เที่ยงธรรม

อย่างไรก็ตาม พยานรายดังกล่าวได้ทำบันทึกคำให้การเพิ่มเติม รวม 5 ประเด็น โดยระบุว่า คำให้การเดิมที่เคยให้ไว้กับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษนั้น เป็นผลจาก “การถูกข่มขู่” พร้อมทั้งยืนยันว่า ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น แล้ว เพื่อขอความเป็นธรรม

พ.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า หนังสือร้องขอให้กลับคำให้การดังกล่าวมีจริง และเกี่ยวข้องกับ “คดีพิเศษที่ 24/2568” ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองบริหารคดีพิเศษ โดยกรมได้ส่งเรื่องต่อไปยังกองคดีการฟอกเงินทางอาญา ซึ่งเป็นหน่วยงานเจ้าของสำนวนแล้วตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568

ทั้งนี้ อธิบดี DSI ได้มีคำสั่งให้กองคดีการฟอกเงินทางอาญา ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามประเด็นร้องเรียนและข้อกล่าวหาทั้งหมดโดยเร่งด่วน เพื่อประกอบการสั่งการในลำดับต่อไป 

พร้อมย้ำว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะไม่ปล่อยให้มีการแทรกแซงหรือบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมในทุกกรณี