KEY
POINTS
วันที่ 22 ตุลาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีการพิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (ขณะนั้น) และ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ขณะนั้น) สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่
คำร้องดังกล่าวอ้างเหตุว่า ผู้ถูกร้องทั้งสองมีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 23 วรรคหนึ่ง (2) ซึ่งเป็นการ ใช้อำนาจฝ่ายบริหารแทรกแซงหรือครอบงำอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าไปดำเนินการตรวจสอบเรื่องการเลือกสมาชิกวุฒิสภา
ผู้ร้องเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการ กดดัน ข่มขู่ หรือกลั่นแกล้ง ต่อฝ่ายนิติบัญญัติ อันเป็นการ ขัดต่อหลักการแบ่งแยกอำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม อีกทั้งอาจถือว่าเป็นการกระทำที่ ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และ ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5)
จึงเป็นเหตุให้มีการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม และ พ.ต.อ.ทวี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบ มาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีมีประเด็นข้อเท็จจริงที่ต้องไต่สวนเพิ่มเติม จึงมีมติ ให้มีการไต่สวนพยานบุคคล เพื่อประกอบการวินิจฉัยข้อเท็จจริงในคดีนี้ โดยจะมีการกำหนด ประเด็นข้อพิสูจน์และรายชื่อพยานบุคคลที่จะไต่สวน ในการประชุมศาลรัฐธรรมนูญครั้งต่อไป
การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นขั้นตอนสำคัญของศาลรัฐธรรมนูญในการพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับ มาตรฐานจริยธรรมของรัฐมนตรี ซึ่งหากศาลมีคำวินิจฉัยว่า ผู้ถูกร้องกระทำผิดจริง อาจส่งผลให้สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีเฉพาะตัวและมีผลทางการเมืองต่อเนื่องถึงการดำรงตำแหน่งอื่นในอนาคต