KEY
POINTS
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ที่ศูนย์ประชุมเมืองทองธานี จ.นนทบุรี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงเพิ่มเติมต่อเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดในพื้นที่ ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งอยู่ใกล้เขตแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างการลาดตระเวนแนวชายแดน จนทำให้ทหาร 2 นายได้รับบาดเจ็บ หนึ่งในนั้นข้อเท้าขวาขาด
พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ได้รับรายงานจาก กองทัพภาคที่ 2 แล้วว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็น “จุดลาดตระเวนประจำ” ของฝ่ายไทย และไม่เคยมีเหตุระเบิดในบริเวณนี้มาก่อน โดยแม่ทัพภาคที่ 2 คาดว่า ทุ่นระเบิดที่ทำให้เกิดเหตุในครั้งนี้ “น่าจะเป็นการวางใหม่” ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ “ไม่เคารพต่อผลการลงนามในปฏิญญาความร่วมมือไทย–กัมพูชา” เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568
“แม่ทัพภาคที่ 2 รายงานว่า เป็นจุดที่ทหารของเราลาดตระเวนอยู่เป็นประจำ และวันนี้ลูกน้องผมต้องขาขาด ผมจึงไม่อาจปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปได้” พล.อ.ณัฐพล กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ระงับปฏิญญาไทย-กัมพูชา
รมว.กลาโหม กล่าวว่า ได้ขออนุมัติจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ระงับการปฏิบัติตาม “ปฏิญญาความร่วมมือไทย-กัมพูชา” ไว้ก่อน จนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและได้รับคำชี้แจงอย่างเป็นทางการจากฝ่ายกัมพูชา
“ผมได้ขออนุมัติจากท่านนายกฯ ให้หยุดการปฏิบัติตามปฏิญญานี้ไว้ก่อน ซึ่งท่านนายกฯ ก็เห็นชอบแล้ว เพราะนี่คือเรื่องความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศ” พล.อ.ณัฐพล กล่าว
เตรียมทำหนังสือฟ้อง AOT– สหรัฐ
พล.อ.ณัฐพล ยืนยันว่า ได้ดำเนินการทำ หนังสือประท้วงไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ตามขั้นตอนแล้ว และจะมีการทำรายงานส่งต่อไปยัง คณะผู้สังเกตการณ์ชายแดน (AOT) รวมถึง ผู้แทนสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์ตามข้อตกลงความร่วมมือชายแดนไทย-กัมพูชา
“เราจะรายงานไปยังสหรัฐฯ ด้วย เพราะ AOT และคณะผู้สังเกตการณ์เขาก็อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว การวางระเบิดในลักษณะนี้ ถือเป็นเรื่องร้ายแรง ผมยืนยันว่า ไทยจะไม่ปล่อยให้ผ่านไปง่าย ๆ” พล.อ.ณัฐพล กล่าว
ถ้ามีเจตนาต้องมากกว่าการประท้วง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงแนวทางดำเนินการเพิ่มเติม หากพบว่าเป็นการ “รุกล้ำอธิปไตย” หรือ “จงใจวางระเบิดใหม่” พล.อ.ณัฐพล ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า “จะให้ผมตอบก่อนได้อย่างไร...แต่ถ้ามีเจตนา มันต้องมากกว่าการประท้วงแน่นอน”
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงสองสัปดาห์ หลังจากที่รัฐบาลไทยและกัมพูชา เพิ่งลงนามใน “ปฏิญญาความร่วมมือชายแดน” เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ซึ่งมุ่งเน้นการลดความตึงเครียดและร่วมมือทางเศรษฐกิจในพื้นที่ทับซ้อน แต่เหตุการณ์ครั้งนี้อาจส่งผลให้ความสัมพันธ์ชายแดนกลับเข้าสู่ภาวะเปราะบางอีกครั้ง