ส่องแผน 5 ขั้นตอนสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจันทบุรี-ตราด

09 พ.ย. 2568 | 04:45 น.
อัปเดตล่าสุด :09 พ.ย. 2568 | 04:45 น.

เปิดแผน 5 ขั้นตอนสร้างรั้วกั้นชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจันทบุรี-ตราด เผยสำรวจและติดตั้งหลักเขตแดนชั่วคราวระหว่าง 52–59 ขั้นตอนที่ 1-2 เรียบร้อย

KEY

POINTS

  • ไทยและกัมพูชาเห็นชอบแผน 5 ขั้นตอนในการสร้างรั้วชายแดนบริเวณจังหวัดจันทบุรี-ตราด ระหว่างหลักเขตที่ 52–59
  • การดำเนินงานเสร็จสิ้นแล้ว 2 ขั้นตอนในด้านการรับรองเอกสารทางเทคนิค และกำลังจะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 3 คือการสำรวจและปักหลักเขตชั่วคราวร่วมกัน
  • ขั้นตอนต่อไปคือการจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ก่อนเริ่มการก่อสร้างจริง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดนและสิ่งผิดกฎหมาย

ความคืบหน้า การสร้างรั้วชายแดน พื้นที่หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี (ฉก.นย.จันทบุรี) ในการกำกับดูแลของทาง กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) กระทรวงการต่างประเทศ ทั้งสองฝ่ายโดยฝ่ายไทย 

นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย หัวหน้าคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ได้ลงนามและทางฝ่ายกัมพูชา ได้พิจารณารับรองเอกสารทางเทคนิค (Technical Instruction: TI)

สำหรับการสำรวจและติดตั้งหลักเขตแดนชั่วคราวระหว่างหลักเขตที่ 52–59 ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 1-2 เรียบร้อยแล้ว ในขั้นต่อไปจะดำเนินการ ขั้นที่ 3 คือการสำรวจแนวเขตและปักหลักเขตชั่วคราว โดยได้นัดกับทางฝ่ายกัมพูชา มาดำเนินการในเร็ววันนี้

โดยขั้นที่ 1 รับรองกรอบอำนาจตามอนุสัญญาชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ชายแดนจัวหวัด จันทบุรี-ตราด โดยต้องเห็นชอบยืนยันว่าพื้นที่หลักเขต 52–59 เป็นแนวเขตที่ตกลงร่วมแล้ว (Agreed Boundary Line)โดยทาง JBC มีมติหรือออกหนังสืออนุมัติหลักการให้สามารถก่อสร้างรั้วในแนวเส้นดังกล่าวได้ พร้อมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านเทคนิค (Technical Sub-Committee) เพื่อควบคุมงานในระดับปฏิบัติ

ขั้นที่ 2 ให้ทั้ง 2 ฝ่ายจัดทำข้อตกลงทางเทคนิค (Technical Instruction – TI) ฉบับปรับแก้ โดยมีกรมแผนที่ทหาร พร้อมคณะสำรวจร่วมไทย–กัมพูชา โดยนำ TI ฉบับเดิม (ที่คณะสำรวจลงนามแล้ว) มาปรับข้อความให้ชัดเจนว่า การสำรวจและปักหลักชั่วคราวเป็นเพียงเพื่อ วางแนวรั้วตามเส้นตรงระหว่างหลักเขตที่ตกลงแล้วเท่านั้น

ขั้นที่ 3 เป็นการสำรวจแนวเขตและปักหลักเขตชั่วคราว โดยชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชา ใช้เครื่องมือรังวัดสัญญาณดาวเทียม GPS/GNSS เทคนิค RTK และ Total Station เพื่อยืนยันแนวเขตแดนที่เป็นเส้นตรง ระหว่างหลักเขตแดนที่ 52–59 พร้อมปักหมุดชั่วคราว (Temporary Markers) ทุกระยะ 50–100 เมตร เพื่อใช้เป็นแนวอ้างอิงแนวเขตแดน

การบินถ่ายภาพทางอากาศด้วยอากาศยานไร้คนขับ(Drone) เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการจัดทำแผนผัง พร้อมทั้งการจัดทำแผนผังสนาม ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลตำแหน่งหลักเขตแดนที่ 52-59 ตำแหน่งหมุดชั่วคราว และข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศ ตามมาตราส่วนที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกัน จากนั้นให้จัดทำรายงานผลการสำรวจและปักหมุดชั่วคราว ระหว่างหลักเขตแดนที่ 52-59 พร้อมทั้งแผนผังสนาม และบัญชีค่าพิกัดหมุดชั่วคราวระหว่างหว่างหลัก 52-59 จากนั้นให้จัดทำรายงานผลให้ OG JTSC และ JBC พิจารณาและรับรอง

สำหรับแนวเขตจริงในภาคสนามที่ผ่านการยอมรับจากทั้งสองประเทศ แนวเขตแดนมีความชัดเจน ลดปัญหาการเผชิญหน้าของกองกำลังทั้งสองฝ่าย และใช้เป็นแนวอ้างอิงในการสร้างรั้ว

ซึ่งขณะนี้ทั้งไทยและกัมพูชา ได้เดินมาถึงขั้นตอนที่ 3 ในการเดินสำรวจและปักหมุดพร้อมกัน โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 10-15 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ในแต่และหลักเขต บางพื้นที่เป็นพื้นที่ราบ บางพื้นที่เป็นพื้นที่สูง และยังต้องคอยระวังในเรื่องของทุ่นระเบิดที่อาจจะหลงเหลืออยู่ในพื้นที่อีก จึงต้องมีหน่วยทหารช่างของทััง 2 ประเทศเป็นผู้กุยทางในการปักหมุดก่อน

จากนั้นเป็นขั้นที่ 4 เป็นการจัดทำและลงนาม “บันทึกข้อตกลงการก่อสร้างรั้ว (MOU on Border Fence Construction) โดยมีหน่วยงานรับผิดชอบ อาทิ กระทรวงกลาโหม / กองทัพเรือ / JBC ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งก็ต้องนำข้อมูลที่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบทั้งหมดจากขั้นตอนที่ 1-3 มาจัดทำร่าง MOU กำหนดเพื่อป้องกันการลักลอบ การตัดไม้ การลำเลียงผิดกฎหมายรั้วควบคุมการผ่านแดนไม่ใช่เส้นเขตแดนใหม่

สำหรับการบำรุงรักษารั่ว ต้องดูแลร่วมกันโดยคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ทำเสนอผ่านกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ JBC รับรองก่อนลงนามจริง

จากนั้นทำเป็นเอกสารข้อตกลงระดับรัฐต่อรัฐ (MOU) รับรองการสร้างรั้ว ปฏิบัติการได้ถูกต้องตามอนุสัญญาชายแดน 1907 และ MOU ปี 2000

ขั้นที่ 5 ดำเนินการก่อสร้างและตรวจรับร่วม ในพื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด หน่วยรับผิดชอบหลักกองทัพเรือ (กปช.จต./หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี / หน่วยก่อสร้างร่วมไทย–กัมพูชา) รั้วชายแดนถูกสร้างอย่างถูกต้องตามขั้นตอนทางกฎหมาย, ปลอดภัย, และได้รับการยอมรับจากทั้งสองประเทศ