รวบ 4 สแกมเมอร์จีน หนีจากกัมพูชา ใช้ AI หลอกระบบยืนยันตัวตน KYC ของธนาคาร

10 พ.ย. 2568 | 05:28 น.
อัปเดตล่าสุด :10 พ.ย. 2568 | 05:52 น.

ตำรวจบุกจับ 4 ชาวจีน สแกมเมอร์กลางคอนโดหรูทองหล่อ หลบหนีจากกัมพูชาเข้ามากบดาน เข้ามาใช้เทคโนโลยี AI ปลอมหน้าเหยื่อหลอกระบบยืนยันตัวตน KYC ธนาคาร-เงินดิจิทัล พร้อมของกลางเพียบ

KEY

POINTS

  • ตำรวจบุกจับกุมแก๊งสแกมเมอร์ชาวจีน 4 คนที่คอนโดหรูย่านทองหล่อ หลังหลบหนีการปราบปรามจากประเทศกัมพูชา
  • ผู้ต้องหาใช้เทคโนโลยี AI สร้างคลิปวิดีโอปลอมจากภาพนิ่งของเหยื่อ เพื่อใช้หลอกระบบยืนยันตัวตน (KYC) ของธนาคารและแพลตฟอร์มเงินดิจิทัล
  • เจ้าหน้าที่ยึดของกลางเป็นคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือจำนวนมาก และยาเสพติด พร้อมตั้งข้อหาเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

วันนี้ (10 พ.ย.68) ตำรวจนครบาลบุกตรวจค้นคอนโดมิเนียมหรูย่านทองหล่อ ซอยสุขุมวิท 16 เขตวัฒนา กรุงเทพฯ หลังสืบทราบว่ามีชาวจีน 4 ราย หลบหนีจากกัมพูชาเข้ามากบดาน ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) หลอกระบบยืนยันตัวตน (KYC) ของธนาคารและแพลตฟอร์มเงินดิจิทัล

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการสืบสวนพบเครือข่ายสแกมเมอร์ชาวจีนรายใหญ่หลายกลุ่มอพยพหนีการปราบปรามจากกัมพูชาเข้ามาซ่อนตัวในไทย

โดยกลุ่มนี้มีพฤติกรรมตั้ง “วอร์รูม” ภายในคอนโดหรู ทำหน้าที่ควบคุมธุรกรรมทางการเงินและใช้ AI สร้างคลิปวิดีโอจำลองใบหน้าเหยื่อ เพื่อผ่านระบบยืนยันตัวตนของธนาคาร

การตรวจค้นดำเนินการภายใต้หมายค้นศาลอาญา ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 นำโดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่แฝงตัวเข้าตรวจสอบ พบของกลางจำนวนมาก ได้แก่

  • คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 2 เครื่อง มีข้อมูลการตัดต่อวิดีโอจำลองการสแกนใบหน้า
  • โน้ตบุ๊ก 2 เครื่อง ใช้ทำธุรกรรมทางการเงินในกัมพูชา
  • โทรศัพท์มือถือ 60 เครื่อง
  • ยาไอซ์ 2 ถุง และอุปกรณ์เสพยา

ผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย เป็นชายชาวจีน อายุระหว่าง 21–29 ปี ถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันเป็นอั้งยี่, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และมียาเสพติดประเภท 1 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”

จากการตรวจสอบคอมพิวเตอร์พบหลักฐานการใช้เทคนิค “AI หลอก AI” โดยนำภาพนิ่งของเหยื่อมาป้อนเข้าระบบปัญญาประดิษฐ์ให้จำลองการเคลื่อนไหว เช่น หันหน้า กะพริบตา หรืออ้าปาก ก่อนนำคลิปวิดีโอดังกล่าวไปใช้หลอกระบบยืนยันตัวตนของธนาคาร (KYC) และกระเป๋าเงินดิจิทัล สร้างความเสียหายและเสี่ยงให้เหยื่อถูกระบุตัวผิดเป็นผู้กระทำผิด

ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลหาต้นทางของข้อมูลเหยื่อและเส้นทางการเงินของขบวนการดังกล่าว ซึ่งคาดว่าเชื่อมโยงกับแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติที่หลบหนีออกจากกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา

พริษฐ์ จี้ รัฐบาลใช้ยาแรงจัดการสแกมเมอร์-จับมือต่างชาติแลกเปลี่ยนข้อมูล

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงการจัดการปัญหาสแกมเมอร์ของรัฐบาล ว่า มี 2 ข้อเสนอที่อยากเห็นรัฐบาลเอาจริงเอาจังมากขึ้น

ข้อแรก เราเห็นรัฐบาลประเทศอื่นใช้ยาแรงกว่ารัฐบาลไทยมาก โดยเฉพาะเรื่องการอายัดทรัพย์ เป็นต้น

ข้อสอง รัฐบาลต้องร่วมมือกับประเทศอื่นให้มากกว่านี้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและทรัพยากร ซึ่งตนเคยทักท้วงไปในการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่นายกรัฐมนตรีอยากให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ แต่รูปธรรมยังเห็นไม่ชัดเพราะกลไกที่จะดึงประเทศอื่นเข้ามาร่วมมือในการแก้ปัญหานี้จะเป็นอย่างไร

“ดังนั้นทั้งมาตรการที่มียาแรงมากขึ้น กับการทำงานเชิงรุกในการแสวงหาความร่วมมือกับต่างชาติเป็น 2 ข้อเสนอเบื้องต้น ที่อยากเห็นการขยับของรัฐบาลชุดนี้ในการแก้ปัญหาเรื่องสแกมเมอร์ ซึ่งเป็นปัญหาที่กระทบต่อประชาชนและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอย่างชัดเจน”นายพริษฐ์​กล่าว

เมื่อถามว่ามีการกำหนดยุทธศาสตร์อย่างไร เพราะขณะนี้เหมือนจะพุ่งเป้าไปที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งเรื่องน้ำท่วมและเรื่องสแกมเมอร์ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ทั้งหมดที่ตนเคยวิจารณ์มาไม่ได้พุ่งเป้าไปที่พรรคใดเลย แต่พูดถึงการบริหารงานแบบภาพรวม ทั้งเรื่องน้ำที่ต้องอาศัยความร่วมมือทุกหน่วยงาน และเรื่องสแกมเมอร์ที่ย้ำว่าจะต้องไปร่วมมือกับต่างประเทศมากกว่านี้

ซึ่งทั้งหมดที่พูดมาความรับผิดชอบหลักอยู่ที่นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าเราตรวจสอบไปตามเนื้อผ้า ทุกคนที่อยู่ในฝ่ายบริหารแต่เชื่อว่าหลายปัญหาจะแก้ไขได้ต้องอาศัยนายกรัฐมนตรี